ซีเกมส์ ปรับแผน มวยไทย โยกสังเวียนหนีน้ำสงขลา
ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ปรับแผนไฟแลบ มวยไทย โยกสังเวียนหนีน้ำฟัดสงขลา
ท่ามกลางสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องและน้ำป่าที่ไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ในภาคใต้ หนึ่งในผลกระทบรุนแรงเกิดขึ้นกับสนามแข่งขันสำคัญของกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่จังหวัดสงขลา โดยสนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ (พรุค้างคาว) ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นสังเวียนการแข่งขันมวยไทย กลับจมอยู่ใต้น้ำอย่างทั่วบริเวณ จนไม่สามารถดำเนินการเตรียมสนามได้ตามแผน
ล่าสุด ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ออกมายืนยันชัดเจนว่า การแข่งขันมวยไทยจะถูกย้ายไปจัดที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สูงและปลอดภัยกว่า โดยอยู่ใกล้กับหอประชุมที่จะใช้แข่งขันกีฬาวูซูอยู่แล้ว ถือเป็นการปรับแผนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้การแข่งขันยังเดินหน้าได้ตามกำหนดเดิมในวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568
ดร.ก้องศักด ระบุว่า ปริมาณน้ำท่วมในพื้นที่พรุค้างคาว “หนักจนไม่สามารถแก้ไขได้ทันเวลา” ส่งผลให้ทีมจัดงานต้องตัดสินใจย้ายทันทีเพื่อความพร้อมและมาตรฐานของการแข่งขัน ขณะเดียวกัน สนามกีฬาอื่นในจังหวัดสงขลายังสามารถเดินหน้าการเตรียมความพร้อมได้ แม้บางจุดจะมีน้ำท่วมขัง เช่น ยิมเนเซียม, สนามกีฬาจิระนคร, และ อาคารสุวรรณวงศ์ สำหรับปันจักสีลัต แต่ยังอยู่ในขั้นตอนติดตั้งอุปกรณ์และระบบปรับอากาศ ซึ่งคาดว่าจะไม่กระทบต่อการแข่งขัน
ในส่วนของ สนามเปตอง บริเวณสนามติณสูลานนท์ ผู้จัดได้เตรียมติดตั้งหลังคาหรือเต็นท์รองรับ เพื่อป้องกันผลกระทบจากฝนที่ยังมีแนวโน้มจะตกต่อเนื่องในช่วงกิจกรรม ถือเป็นมาตรการเสริมเพื่อรับมือสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนในภาคใต้ช่วงปลายปี
สำหรับจังหวัดสงขลา ในฐานะ 1 ใน 3 เจ้าภาพร่วมซีเกมส์ครั้งนี้ จะจัดการแข่งขันรวม 10 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวย, ปันจักสีลัต, หมากรุก, ฟุตบอลชาย, ยูโด, กาบัดดี้, คาราเต้, มวยปล้ำ, เปตอง และวูซู รวมชิงชัยทั้งสิ้น 109 เหรียญทอง
แม้สภาพอากาศจะเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่การเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วของ กกท. และฝ่ายจัดการแข่งขัน ทำให้ซีเกมส์ครั้งที่ 33 ยังคงเดินหน้าตามโรดแมปเดิม พร้อมจับตาว่า “สังเวียนใหม่” ที่ ม.สงขลานครินทร์ จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภาพจำใหม่ให้กับมวยไทยในซีเกมส์ปีนี้หรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





