“บิ๊กโจ๊ก” ขยี้ตำรวจอีกยก จ่อเปิดข้อมูลซื้อขายตำแหน่งเพิ่ม

“บิ๊กโจ้ก” แจง กมธ.กฎหมาย สว. ชี้องค์กรตำรวจ “พังพินาศ” เตรียมเผยข้อมูลซื้อขายตำแหน่งเพิ่ม จี้ ผบ.ตร. ดำเนินคดีผู้วิ่งเต้นแต่งตั้งตามมาตรา 87

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา เกี่ยวกับประเด็นการแต่งตั้งโยกย้ายและขบวนการ “เส้นเงิน” ในวงการตำรวจ

 

ระบุว่า ข้อมูลที่จะนำเสนอวันนี้มีความใกล้เคียงกับที่เคยให้ต่อ กมธ.ความมั่นคงฯ ของนายรังสิมันต์ โรม แต่จะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งจะเปิดเผยมากกว่าเดิม ในวันที่ 26 พฤศจิกายน พร้อมย้ำว่า “วันนี้ องค์กรตำรวจพังพินาศไปหมดแล้ว”

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า หากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ติดต่อมาขอให้แต่งตั้งโยกย้ายตาม พ.ร.บ.ตำรวจ มาตรา 87 โดยต้องเอาผิดกับ “ทุกคน” ที่ส่งข้อความ หรือประสานงานเพื่อให้ช่วยวิ่งเต้นตำแหน่ง

 

พร้อมย้ำว่า ตลอดการทำงาน ตนไม่เคยนำตำแหน่งไปขาย เช่น กรณีผู้กำกับ ตม.ภูเก็ต ที่อ้างจะเสนอเงินให้เดือนละ 1 ล้านบาท เพื่อไม่ให้ลงพื้นที่จัดการปัญหา แต่ตนปฏิเสธ และระบุว่า ปัจจุบันกลับพบตำรวจบางรายโอนเงินผ่านเว็บพนัน และรับเงินผ่านบัญชีตัวเอง ซึ่งสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างขององค์กรตำรวจ

 

 

 

 

 

อดีตรอง ผบ.ตร. เปิดเผยด้วยว่า ไม่เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม เนื่องจาก “เหนื่อยหน่าย” เพราะประเด็นร้องเรียนหลายเรื่องถูกตอบกลับว่าไม่ต้องวินิจฉัย พร้อมอ้างว่ามีการพูดกันใน ก.ตร. ว่ามี “โควตานายพล–ผู้กำกับ” รวมถึงคณะกรรมการบางรายสามารถขอตำรวจประจำตำแหน่งได้

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาจากผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่า การพูดเรื่อง “บัญชีม้า” มีเจตนาหวังผลต่อคดีของตัวเอง พร้อมย้ำว่าไม่เคยใช้ข้อมูลบิดเบือนเพื่อเอาประโยชน์ส่วนตัว

 

ทั้งนี้ เมื่อถูกถามถึงคำวิจารณ์ของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ว่า ข้อมูลของตนอาจสร้างความสับสนต่อประชาชน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชี้แจงว่า ประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ เพราะตนพูดบนพื้นฐาน “เอกสารและพยานหลักฐาน”

 

ส่วนข้อกล่าวหาว่าโยงข้อมูลเพื่อช่วยคดีของตัวเอง เขาระบุว่า คดีของตนไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส.สงขลา พรรคกล้าธรรม และไม่เกี่ยวกับคดีเว็บพนันหรือการจ่ายเงินให้ตำรวจไซเบอร์

 

ดังนั้น ประชาชนควรตั้งคำถามว่า เหตุใด “อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” ไม่ถูกให้ออกจากราชการ แต่ตนกลับถูกปลด พร้อมยืนยันว่าจะต่อสู้คดีของตัวเองต่อไป โดยไม่ต้องการให้ใครเชื่อเพียงเพราะคำพูด แต่ขอให้ดูจากข้อเท็จจริงและหลักฐานที่นำเสนอ

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews