Home
|
ข่าว

กต.เดินหน้าประท้วงกัมพูชา ละเมิดปฏิญญา จี้รับผิดชอบ-ขอโทษ

Featured Image
กต.เดินหน้าประท้วงกัมพูชาละเมิดปฏิญญาสันติภาพ หลังเหตุทหารบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด จี้ เขมรรับผิดชอบ-ขอโทษ เตรียมหยิบ หารือบนเวทีเจนีวา

 

นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการในทันทีและทุกระดับไม่ได้เหลือช่องว่างใดๆ จาก 2 เหตุการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการวางทุ่นระเบิดของกัมพูชา นั้น

 

กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการเรื่องการละเมิดปฏิญญาสันติภาพระหว่างไทย- กัมพูชา นั้น นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้ติดต่อไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา เพื่อทำการประท้วงเบื้องต้นโดยทันทีภายหลังจากเกิดเหตุการณ์และไทยทำหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังกัมพูชา 2 ฉบับ

 

จากนั้นกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจง ไปยังนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือไปยังผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ในฐานะที่ ทั้งสองประเทศเป็นสักขีพยานในการทำปฏิญญาสันติภาพระหว่างไทย- กัมพูชา

 

โดยใจความสำคัญของหนังสือคือการย้ำว่าไทยย้ำถึงการเจรจาโดยสันติภาพ เคารพ และปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพระหว่างไทย- กัมพูชา มาตลอดแต่การละเมิดของกัมพูชาทำให้ไทยต้องสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการปฏิญญา เพื่อปกป้องอธิปไตยและเสรีภาพดินแดนไทย

 

รวมถึงปกป้องความปลอดภัยของประชาชนไทย จึงจำเป็นต้องระงับการปฏิบัติตาม ปฏิญญาชั่วคราว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับท่าทีและความจริงใจของกัมพูชา ในการปฏิบัติตามปฏิญญา ไทยจึงจะมีการปฏิบัติตามข้อตกลงต่อ

 

นายนิกรเดช กล่าวอีกส่า ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการหารือกับ ประธานาธิบดีสหรัฐฯและ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ใน3 ประเด็นคือ

1.นายกรัฐมนตรีได้ขอให้มีการแยกเรื่องทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา เรื่องของความมั่นคง ออกจากประเด็นการค้าที่เป็นผลประโยชน์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ

2 .ขอให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ช่วยหาแนวทางเพื่อฟื้นฟูครับสันติภาพ ในฐาระประธานอาเซียนโดยคำนึงถึงข้อเสนอของไทยคือให้กัมพูชาขอโทษ รวมถึงให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแสดงความรับผิดชอบเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นเดิมขึ้นอีกในอนาคต

3. โดยผู้นำทั้งสองประเทศ ได้แสดงความเข้าใจ ในการนำเสนอของไทย ซึ่งภายหลังจากการหารือ นายกรัฐมนตรีได้มีการ ย้ำถึงท่าทีของไทย เพื่อให้กัมพูชาชากลับมาปฏิบัติตามปฏิญญา

 

โดยเฉพาะการเก็บกู้ทุนระเบิด ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชา เป็นผู้ดำเนินการและต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้นขึ้นอยู่กับกัมพูชาที่จะต้องกำหนด อนาคตของปฏิญญา

 

นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ทำการประท้วง ตามกรอบอนุสัญญาออตตาวาโดยไทยได้มีการทำหนังสือ อีกทั้งยังได้ทำหนังสือไปยังเลขาธิกฝการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเรื่องการวางระเบิดครั้งใหม่ ของกัมพูชารวมถึงการยั่วยุในพื้นที่หนองหญ้าแก้ว ไทยได้หยิบยกเรื่องการละเมิดอนุสัญญา ออตตาวา ไปหารือในการประชุม รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22

 

ระหว่าง วันที่ 1-5 ธันวาคม ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงให้สถานเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวร สถานทูตฯ สถานกงศุลทั่วโลก ชี้แจงข้อเท็จจีงและท่าทีของไทย ต่อประเทศเจ้าบ้าน รวมถึงภาคส่วนต่างๆว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงต่างๆ

 

รวมถึงมีหนังสือเอกอัครราชทูตฯและองค์กรระหว่างประเทศ และได้บรรยายสรุปให้กับคณะทูตมาแล้ว 6 ครั้ง พร้อมทั้งร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อรวบรวมท่าทีเพื่อชี้แจ้งข้อเท็จจริง รวมถึงลงพื้นที่ ร่วมกับผู้สังเกตุการณือาเซียนเพื่ตรวจสอบสถานการณ์จริงในพื้นที่ทั้ง 2 เหตุการณ์

 

ส่วนแนวทางที่จะดำเนินการต่อไปของกระทรวงการต่างประเทศนั้น จะมีการดินหน้าชี้แจงต่อประชาคมโลกและสื่อมวลชน ในทุกมิติและทุกครั้งที่มีโอกาส โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะมีกำหนดในการเดินทาง ไปประชุมอินโดแปซิฟิค ครั้งที่ 4 กับสหภาพยุโรปโดยก่อนการเดินทางจะมีการพบกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เพื่อให้ได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงต่างๆ

 

อีกทั้งจะดำเนินการในประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ และต่อยอดสิ่งทีไทยเสนอต่อการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและสิ่งที่ไทยเสนอ คือเรื่องออนไลน์สแกรม โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระหว่างประเทศว้าด้วนการต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ระหว่างรัฐมนตรีในเดือนธันวาคมนี้

 

โดยยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการถูกเชิงรุกในทุกกรอบในทุกเวที อย่างทันท่วงที

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube