รัฐบาลย้ำ แยกมั่นคงชายแดน เจรจาการค้าUS
รัฐบาลไทย ย้ำแยกเรื่องการเจรจาการค้าสหรัฐฯออกจากประเด็นชายแดน ยังคงเดินหน้าดำเนินการตามกรอบเดิม พร้อมย้ำว่าทุ่นระเบิดไม่ใช่เครื่องมือกำหนดเขตแดน
จากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่กลับมาตึงเครียด หลังเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนต้องสูญเสียขารายที่ 7 ในรอบหลายเดือน เหตุการณ์ที่เกิดซ้ำในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ไทยตั้งคำถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของฝั่งกัมพูชา และความจริงใจในการแก้ปัญหาร่วมกัน
เพราะพื้นที่ที่ควรเป็นเขตปลอดภัย กลับกลายเป็นจุดเสี่ยง ที่อาจลุกลามเป็นความขัดแย้ง การเดินหน้าสันติภาพ สะดุดลง เมื่อฝั่งกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในปฏิญญาที่สองประเทศร่วมลงนาม ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ออกมาประกาศชัดเจนว่า “ฉีกปฏิญญา” โดยต้องปกป้องความปลอดภัยของทหารและประชาชนก่อนสิ่งใด
การประกาศครั้งนี้ทำให้สายตาสากลจับจ้องมาที่ไทยทันที โดยเฉพาะสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าพยายามใช้ “ภาษีการค้า” กดดันไทยให้เดินตามแนวทางที่สหรัฐฯ แต่นายกฯ ประกาศไม่หวั่นแรงกดดัน” ดังกล่าว
พร้อมได้มีการพูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้รับฟังด้วยความเข้าใจ พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ และมาเลเซียพร้อมสนับสนุนเพื่อให้กระบวนการสันติภาพเดินหน้าต่อ แต่ไม่ประสงค์แทรกแซงกลไกทวิภาคีระหว่างไทย–กัมพูชา จากนั้น ก็มาข่าวว่า สหรัฐฯ ขอชะลอการเจรจาเรื่องภาษี ก่อนจะมีการยืนยันอีกครั้งว่า ในเรื่องการเจรจาภาษี จะยังมีการเดินหน้าต่อไป โดยแยกออกจากเรื่องชายแดน
ทำให้วันนี้ รัฐบาล พร้อมด้วยฝ่ายมั่นคง และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ต้องจัดแถลงใหญ่ เพื่อชี้แจงประเด็นดังกล่าว โดย พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การวางทุ่นระเบิดไม่ใช่หลัก หรือหมุดเขตแดน ทุ่นระเบิดไม่ใช่เครื่องมือ เพื่อความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เพราะเป็นอาวุธที่ทำร้ายบุคคลและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ ผลกระทบต่อชีวิตจิตใจของบุคคลคนนั้น และครอบครัว
ซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมอนุสัญญาออตตาวา จึงพยายามจะห้ามไม่ให้มีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เพราะทุ่นระเบิดสังหารบุคคลสามารถฆ่าชีวิตและทำให้บุคคลนั้นทุพพลภาพ
ขณะที่นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ย้ำว่า ด้านการค้าและความมั่นคงจะต้องแยกกันอย่างชัดเจน โดยจัดตั้งคณะทำงานได้ยุทธศาสตร์ โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าและประธานในการทำงาน เพื่อเตรียมพร้อมในการเจรจากับสหรัฐอย่างต่อเนื่อง และยึดในเป้าหมายเดิม พร้อมหาตลาดใหม่
ส่วนอัตราภาษีสินค้าไทยนำเข้าสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ 19% และเป้าหมายในสิ้นปีจะแล้วเสร็จทุกอย่าง พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการนำเรื่องความมั่นคงมาใช้ในการกดดันการเจรจาภาษี
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า วิกฤตชายแดนรอบใหม่ไม่ใช่แค่เรื่องทางทหาร แต่เป็นจุดตัดสำคัญของความมั่นคง การทูต และเศรษฐกิจ ที่ซ้อนทับกันอย่างละเอียดอ่อน ไทยจึงต้องเดินหมากทุกมิติพร้อมกัน ทั้งรักษาความสงบชายแดน เจรจากับเพื่อนบ้าน รักษาสมดุลกับมหาอำนาจ และคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนและผู้ประกอบการในประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





