“ธรรมนัส” มั่นใจ คุมสถานการณ์น้ำได้ เร่งระบายเจ้าพระยา
“ธรรมนัส” มั่นใจ คุมสถานการณ์น้ำได้ สั่งกรมชลฯ เร่งระบายเจ้าพระยาเต็มกำลัง ควบคุมเข้มปริมาณน้ำเหนือ ไม่ให้กระทบประชาชนมาก พร้อมเตรียมรับมือฝนใต้ระลอกใหม่
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันหลังการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ ว่า สถานการณ์น้ำปีนี้ “จะไม่เลวร้ายกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน” และคาดว่าจะ คลี่คลายภายในเดือนธันวาคมนี้
โดยระบุว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำในลุ่มเจ้าพระยายังอยู่ภายใต้การควบคุม แต่จำเป็นต้องเร่งระบายน้ำจากเขื่อนหลัก เพื่อป้องกันผลกระทบต่อพื้นที่ตอนล่างของภาคกลาง โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลที่ระบายวันละ 48 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนกิ่วลมเพิ่มอีก 6 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีน้ำไหลเข้าสู่ลำน้ำเจ้าพระยารวมกว่า 54 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราจำเป็นต้องระบายน้ำทั้งฝั่งซ้ายและขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อไม่ให้ล้นตลิ่ง ขณะนี้กรมชลประทานระบายน้ำรวม 637 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อให้สมดุลกับน้ำเหนือและรักษาระดับ ความปลอดภัยของเขื่อนเจ้าพระยา
พร้อมย้ำว่า แม้จะต้องระบายน้ำต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ในจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ จะไม่รุนแรงเท่าปีก่อน เนื่องจาก มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เริ่มอ่อนกำลัง ปริมาณฝนภาคเหนือ–กลางลดลง และจะเคลื่อนลงภาคใต้แทน
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด ที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักในระลอกใหม่ รัฐมนตรีเกษตรฯ เผยว่า ได้สั่งการให้ทุกสำนักชลประทานเตรียมแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมระดมเครื่องสูบน้ำและผลักดันน้ำออกสู่อ่าวไทย ให้เร็วที่สุด โดยเมื่อสามวันที่ผ่านมา ตนลงพื้นที่นราธิวาส ยะลา ปัตตานี พัทลุง สตูล และตรัง พบว่า ฝนตกหนักกว่าค่ามาตรฐานเฉลี่ย จึงสั่งให้เตรียมเครื่องมือและทีมช่วยเหลือประชาชนได้ทันที
ในส่วนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทาน ประเมินว่า ภายใน สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม ปริมาณน้ำที่สถานี C2 จ.นครสวรรค์ จะลดเหลือราว 1,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะช่วยคลี่คลายปัญหาน้ำล้นตลิ่งในจังหวัดตอนล่าง

นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังเปิดเผยว่า ได้ประสานกับกรุงเทพมหานคร เพื่อระบายน้ำบางส่วนเข้าสู่ระบบคลองใน กทม. ที่ขณะนี้มีระดับน้ำต่ำกว่าปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำเสีย โดยไม่กระทบต่อประชาชน
และเมื่ออาทิตย์ก่อน ตนลงพื้นที่คูคต ปทุมธานี พบว่า ระดับน้ำคลองอยู่ที่ 1.5 เมตร ส่วนฝั่งคลองใน กทม. เหลือแค่ 0.22 เมตร จึงสามารถระบายน้ำบางส่วนเข้าพื้นที่ ได้โดยปลอดภัย และยังช่วยให้การระบายน้ำเสียดีขึ้น
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนในปีนี้ส่งผลต่อทุกประเทศในภูมิภาค ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ต่างเผชิญฝนหนัก แต่ประเทศไทยยังสามารถบริหารจัดการได้ ในเกณฑ์ดี เพราะมีระบบเตือนภัยและแผนรองรับล่วงหน้า
โดยย้ำคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เร่งเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ดังนั้น เราต้องทำงานเชิงรุก ไม่รอให้เกิดเหตุแล้วค่อยแก้ ด้วยการทำงานร่วมกันของทุกหน่วย ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถควบคุมสถานการณ์น้ำปีนี้ได้ ไม่ให้เกิดผลกระทบรุนแรงกับพี่น้องประชาชนทั้งภาคกลางและภาคใต้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





