“เสอจื้อเจียง” ปฏิเสธทุกข้อหายันดำเนินงานโปร่งใส
“เสอจื้อเจียง – เอเชียแปซิฟิก กรุ๊ป” ออกแถงการณ์ชี้แจง ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา! ยันดำเนินงานโปร่งใส เรียกร้อง ‘ความเป็นธรรมสากล’
วันนี้ (11 พ.ย. 68) นายเสอจื้อเจียง และเอเชียแปซิฟิก กรุ๊ป ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อกล่าวหาและแสดงจุดยืนทางกฎหมาย ภายหลังตกเป็นประเด็นวิพากษ์จากสาธารณะและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ
แถลงการณ์ระบุว่า การเผยแพร่ข้อมูลบางส่วนที่ไม่ถูกต้อง ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ความปลอดภัยส่วนบุคคล และการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท รวมถึงเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทางกลุ่มได้ยืนยันการปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ในแถลงการณ์ นายเสอจื้อเจียง ได้กล่าวถึงที่มาของโครงการพัฒนาเมือง ชเวก๊กโก (Shwe Kokko) รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมาร์ โดยระบุว่าเริ่มเข้าดำเนินการในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างโอกาส ให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ โดยโครงการภายใต้บริษัท YATAI Group มีส่วนสร้างงานทางอ้อมราว 80,000 ตำแหน่ง และส่งผลต่อการจ้างงานกว่า 400,000 คนในภูมิภาค
นอกจากนี้ยังมีการระบุถึงกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัท เช่น การสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริจาคเงินและทรัพยากรเพื่อสาธารณประโยชน์ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค รวมมูลค่าหลายร้อยล้านบาท โดยยืนยันว่าการดำเนินโครงการ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างเสถียรภาพในพื้นที่
สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องการเกี่ยวข้องกับธุรกิจการพนัน แถลงการณ์ชี้แจงว่า การดำเนินกิจการในอดีตเป็นไปตามกฎหมายและมีใบอนุญาตถูกต้องในประเทศที่เกี่ยวข้อง ขณะที่โครงการในเมียนมาร์ได้รับการรับรองและจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้น
ส่วนกรณีที่ถูกตั้งข้อสงสัยจากรัฐบาลบางประเทศ แถลงการณ์ยืนยันว่า นายเสอจื้อเจียง สามารถเดินทางเข้าออกประเทศต้นทางได้ตามปกติในช่วงเวลาดังกล่าว และไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีตามที่ถูกกล่าวอ้าง
นายเสอจื้อเจียง กล่าวยอมรับว่า อาจมีกิจกรรมบางประเภทที่เกิดขึ้นนอกเหนือการควบคุมของผู้พัฒนาโครงการ แต่ยืนยันว่าไม่มีอำนาจด้านการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานท้องถิ่น พร้อมย้ำว่าตนเป็นเพียงผู้ดำเนินการ ด้านการพัฒนาเมือง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ นายเสอจื้อเจียง แสดงเจตนารมณ์พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และเรียกร้องให้รัฐบาลที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายโดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังได้ขอให้สหประชาชาติ (UN) เข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามการดำเนินงาน การสร้างงาน และการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เมืองย่าไท่ เพื่อให้การพัฒนาดำเนินไปอย่างโปร่งใสและยั่งยืน รวมถึงเสนอให้ มีผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศเข้ามาตรวจสอบอย่างอิสระ
แถลงการณ์ปิดท้าย ด้วยการเชิญชวนสื่อต่างประเทศและองค์กรสิทธิมนุษยชนเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นธรรม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





