Home
|
ข่าว

นายกฯ ยันไทยไม่ใช่ศูนย์กลางสแกมเมอร์ เดินหน้าปราบเต็มที่

Featured Image
นายกฯ ยันไทยไม่ใช่ศูนย์กลางสแกมเมอร์ เดินหน้าปราบเต็มที่ ยึดทรัพย์-ขึ้นแบล็คลิสต์ หลายราย ยอมรับตรงๆขอให้ “วรภัค” ลาออก รมช.คลัง มีข้อครหา โวเป็นทั้งนายกฯ-มท.1 มีอำนาจที่สุดตั้งแต่มีรัฐบาลมา ลั่นถ้าเจ้าคิดเจ้าแค้น สนุกแน่ !

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ ที่ไทยถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน ว่า เราต้องพยายามทำความเข้าใจ ก่อนที่จะบอกว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน ไม่ค่อยแฟร์เพราะสแกมเป็นธุรกิจไม่ถูกกฎหมาย และเป็นธุรกิจที่น่ารังเกียจ

 

เพียงแต่สแกมอยู่ในประเทศที่มีระบบที่ดีแล้วพัฒนาแล้วมากๆไม่ได้ จึงต้องอยู่ในประเทศที่มีช่องว่างทางกฎหมาย ซึ่งประเทศไทยไม่ใช่ศูนย์กลาง แต่ประเทศไทย ดันอยู่ตรงกลางในรอบๆประเทศที่เขาสามารถทำสแกมได้

 

การที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในภูมิภาคอินโดไชน่า และค่าเงินบาทก็ยังเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ จึงเป็นที่เชื่อถือในการแลกเปลี่ยนเงินตรา จึงมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่รองรับได้ดีที่สุดกับธุรกิจที่เป็นสีดำไม่ใช่เทาเท่านั้น

 

จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายที่เคร่งครัดมีเจ้าหน้าที่ที่ตั้งใจในการปราบปรามสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเรามีกลไกทั้งหมด? และได้ทำหน้าที่ไปมากแล้ว แต่เป็นการปฏิบัติในเชิงลับ จะไล่ตามเป็นตำรวจจับโจรไม่ได้ ตนบอกไปหมดแล้วว่า 4 เดือนนี้อยากได้ เครื่องมืออะไรในการปราบปรามสแกม ก็ขอให้บอกมารัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่

 

ตนให้คำยืนยันได้ ซึ่งไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนกล้าให้คำยืนยัน พร้อมย้ำกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาปปง. เลขา สมช. และหน่วยตรวจสอบต่างๆ ว่า เราเป็นรัฐบาลไม่มีนักเลงคนไหนหรือมาเฟียคนไหน ไม่มีขาใหญ่คนไหน ที่จะใหญ่กว่ารัฐบาลได้ ในเมื่อรัฐบาลไม่กลัว ผู้โดยปฏิบัติก็ไม่ต้องกลัว

 

ส่วนนโยบายที่เป็นรูปธรรมและเชิงรุกนั้น ยกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่พูดไปคือนโยบายทุกอย่าง ผลงานมีอยู่ได้ตลอดทั้งยาเสพติดก็มีการจับกุมดำเนินคดี เดือนเดียวหลาย 10 ล้านเม็ด 100 ล้านเม็ดก็มี ส่วนสแกมก็ยึดทรัพย์ไป 20,000 กว่าล้านแล้ว ดำเนินคดีไปจำนวนมาก

 

ทั้งถอนสัญชาติและขึ้นแบล็คลิสต์ แต่ของพวกนี้มาบอกได้อย่างไร ต้องเป็นการสืบในทางลับและไล่ขยายผล สัปดาห์ที่แล้วก็มีการถอนสัญชาติขาใหญ่รายนึงที่อยู่ไทยมา 30 ปีรัฐบาลของทุนเข้ามา 3 สัปดาห์ ถอนสัญชาติเรียบร้อยไม่เห็นมีปัญหาอะไร

ส่วนที่มีการตั้งคำถามถึงอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าท่านถูกครหาแต่ยังไม่ได้ถูกกล่าวหา และยังไม่ได้มีหลักฐานใดๆหรือหน่วยงานไหนทั้งไทย และต่างประเทศที่ดำเนินคดี แต่เมื่อมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ก็ยอมรับว่า ตนเป็นคนไปบอกให้ท่านลาออก ซึ่งท่านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะในขณะนั้นเรากำลัง จะต้องใช้กลไก กระทรวงการคลัง ในการปราบปรามสิ่งเหล่านี้ ท่านก็แสดงสปรีริททันที

 

แค่ย้ำว่า ถ้าท่านไม่ผิดก็คือไม่ผิดจะบอกว่าผิดไม่ได้ การใช้กฎหมายในรัฐบาลชุดตนคือมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมรูปคดีไม่ใช่เกลียดคนนี้ไม่ชอบคนนี้ หรือคู่แข่งทางการเมืองต้องพยายามเอาเข้ามาให้ได้อย่างที่พวกตนเคยโดนมา

 

เพราะสิ่งที่เราพยายามใช้กลไกของรัฐใช้กำจัดคู่แข่งทางการเมืองหรือคิดกันกล่าวหาคู่แข่งให้เสียหาย คือสิ่งที่ประเทศอารยะ เขาไม่ทำและจะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดกงกรรมกงเกวียนไม่จบไม่สิ้นนักการเมืองทะเลาะกันใช้กลไก กลั่นแกล้งกัน คนที่เดือดร้อนก็คือประเทศและประชาชน คนเป็นนักการเมืองต้องไม่ทำเช่นนี้ ตนก็ไม่ทำ

 

พร้อมระบุต่อว่า ถ้าพูดถึงรัฐบาลนี้ หากไม่นับระยะเวลา 4 เดือน ถือว่าอำนาจมากที่สุด ตั้งแต่มีรัฐบาลมาในรอบ 20 ถึง 30 ปี เพราะนายกรัฐมนตรี และ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำกับดูแล กระทรวงสำคัญทุกกระทรวง และหน่วยงานที่สำคัญ

 

ถ้าตนเจ้าคิดเจ้าแค้น น่าจะสนุกเลย เดือนหนึ่งก็ทำได้อย่าว่าแต่ 4 เดือนแต่แทนที่ตนจะเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่สิ่งเหล่านี้ต้องเปลี่ยนเพราะเวทีโลก ไปที่ไหนก็มีคำว่า inclusive และ Just นี่คือสิ่งที่รัฐบาลจะทำ

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube