“ประเสริฐ” จี้ “รบ.อนุทิน” เร่งปราบสแกมเมอร์ให้เห็นผลใน 30 วัน
“ประเสริฐ” จี้ รัฐบาล “อนุทิน” เร่งปราบสแกมเมอร์ให้เห็นผลใน 30 วัน ชี้ เสียโอกาสเวทีโลก ไม่หารือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ไปลงนาม MOU แร่หายากแทน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเรียกร้องรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้เร่งปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์อย่างจริงจัง
โดยระบุว่าหากเอาจริงสามารถ “ปราบได้ใน 30 วัน” ไม่จำเป็นต้องรอถึง 4 เดือนตามที่รัฐบาลประกาศไว้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลพลาดโอกาสสำคัญบนเวทีอาเซียนและเอเปค ที่ไม่หยิบยกประเด็น “อาชญากรรมไซเบอร์” และ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ขึ้นหารือ แต่กลับไปลงนาม MOU เรื่องแร่หายากกับสหรัฐฯ แทน
พร้อมมองว่า รัฐบาลชุดนี้เพียง “สร้างภาพ” ว่า จะเป็นผู้นำการปราบสแกมเมอร์ ระดับโลก แต่ขาดการลงมือจริง ทั้งที่ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและชื่อเสียงประเทศ โดยรัฐบาลชุดก่อนสามารถลดความเสียหายได้กว่า 40% หรือราว 14,500 ล้านบาทต่อปี ขณะที่รัฐบาล ปัจจุบันกลับปล่อยให้ปัญหากลับมารุนแรงอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลนี้พูด แต่ไม่ทำ ทั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์และมาเลเซียมีมาตรการเข้มข้น ยึดทรัพย์เครือข่ายใหญ่ได้หลายพันล้านบาท และใช้ระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลป้องกันบัญชีม้า แต่ไทยกลับนิ่งเฉย โดยที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยวางกฎหมายสำคัญไว้ เช่น พ.ร.บ.ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่รัฐบาลนี้กลับไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์
พรรคเพื่อไทยเสนอให้รัฐบาลเร่ง “ปฏิบัติการ 30 วันปราบสแกมเมอร์” ก่อนการยุบสภา โดยต่อยอดจากกลไกที่พรรคเพื่อไทยเคยทำไว้ 5 ข้อ ได้แก่
1.แถลงผลสอบกรณีรัฐมนตรีดีอีถูกเสนอสินบน 40 ล้านต่อเดือน และขยายผลไปถึงต้นตอเครือข่าย
2.สืบสวนและดำเนินคดีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ “Prince Group” อย่างจริงจัง
3.มุ่งยึดคืนทรัพย์จากอาชญากร คืนเงินให้ประชาชนมากที่สุด พร้อมเร่งออกร่าง พ.ร.ก. ให้สอดคล้องกับกฎหมายอาชญากรรมเทคโนโลยี
4.เดินหน้าความร่วมมือ “ไทย–จีน–กัมพูชา” ปราบสแกมเซ็นเตอร์ชายแดน โดยใช้โมเดล “3 ตัด” – ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดการขนส่งน้ำมัน
5.ฟื้นแผนตั้งศูนย์ปฏิบัติการปราบคอลเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาค (Regional Scam Combatting Cooperation) เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางข้อมูลและความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ
ดังนั้น ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องหยุดเล่นการเมืองบนความมั่นคงของชาติ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่เรื่องภาพลักษณ์ แต่คือความเดือดร้อนของคนไทยทุกคน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





