ครม.ศก ไฟเขียว แผนลดหนี้รายย่อยไม่เกิน 1 แสนบาท ช่วย 4.7 ล้านบัญชี
ครม.เศรษฐกิจ เคาะหลักการ ลดภาระหนี้ประชาชน ผู้มียอดไม่เกิน 100,000บาท/ราย รวม 4.76 ล้านบัญชี เข้ามาตรการรวมศูนย์ลดภาระผ่อนชำระ-ปิดหนี้ มอบ ธปท. คุย ธนาคารพาณิชย์-สถาบันการเงิน ทำMOU ลงรายละเอียด “เอกนิติ” ย้ำ ไม่เป็นภาระงบประมาณ เชื่อแก้ปัญหาหนี้ได้อย่างยั่งยืน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่า วันนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ การลดภาระหนี้ประชาชน วันนี้ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการคลัง , ธนาคารแห่งประเทศไทย , สมาคมธนาคารไทย ซึ่งร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดมาตลอด
โดยมีการตั้งโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ที่เป็นหนี้รายย่อยและไม่มีหลักประกันตั้งแต่อดีตจนถึงวันที่ 31 กันยายน 2568 ที่มีหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท/ราย ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4.76 ล้านบัญชีโดยบุคคลเหล่านี้เป็นคนจำนวนมากมีภาระหนี้ที่หนักผ่อนชำระไม่ไหว และอาจมีเจ้าหนี้หลายราย ขาดสภาพคล่องและขอสินเชื่อเพิ่มเติมไม่ได้
รัฐบาลจึงช่วยเหลือโดยมีแนวทางขายหนี้และโอนหนี้ทั้งหลายมาอยู่ในสถาบันสินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ หรือ (Securities Finance Corporation : SFC) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน เช่น การลดภาระการผ่อนชำระ หรือการปิดหนี้ และนำมาบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ จากที่ถูกทวงหนี้หลายสถาบันการเงินมารวมศูนย์ไว้
โดยกลุ่มที่ได้รับพิจารณามีอยู่ 4.76 บัญชี แบ่งเป็นกลุ่มที่เป็นลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ที่เป็น Non-bank ส่วนนี้จะโอนไปที่ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) ซึ่งเป็น AMC ภายใต้การกำกับของรัฐ
และอีกหนึ่งกลุ่มคือกลุ่มสถาบันการเงินเฉพาะกิจพวกกลุ่ม SFI ซึ่งเมื่อรวมกันทั้งธนาคารพาณิชย์และบริษัทลูกและ SFI รวมกันทั้งหมดประมาณ 2.4 ล้าน บัญชี ยอดหนี้ประมาณ 60,000 กว่าล้านบาท
นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดนี้เพื่อจะทำให้ลูกหนี้ คนไทยหายใจได้คล่องขึ้น เพราะจะพิจารณาการผ่อนชำระและปิดจบได้เร็ว ซึ่งเป็นโอกาสที่สำคัญตามนโยบาย “ควิกบิ๊กวิน” กระตุ้นสั้นได้ผลยาว กระจายตัว ทำให้ผู้ที่ต้องการกลับมาเป็นคนดี มีวินัยในการผ่อนกลับเข้ามามีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้
โดยวันนี้ได้อนุมัติในหลักการแล้ว หลังจากนี้ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะไปลงในรายละเอียด กับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน เพื่อทำเอ็มโอยู ลงรายละเอียดร่วมกัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการเรือธงสำคัญที่จะทำให้หนี้ในครัวเรือนประเทศไทยกลับมาดีขึ้น
ย้ำว่าไม่ได้เป็นภาระของงบประมาณ เพราะส่วนหนึ่งจะนำเงินคงเหลือจาก กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ประมาณ 26,000 ล้าน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





