“พริษฐ์” มั่นใจ โรดแมปยุบสภา-ประชามติ เดินตามMOA
“พริษฐ์” มั่นใจ โรดแมปยุบสภา-ประชามติ เดินตามMOA ย้ำไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล เตรียมเชิญ กกต. ถกวิธีจัดประชามติพร้อมเลือกตั้งล่วงหน้า ขณะ หนุนปราบแก๊งสแกมเมอร์เป็นวาระด่วน แนะรัฐบาล “ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว”
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 156, 256 และเพิ่มหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าหลัง พ.ร.บ.ประชามติ ปี 2568
มีผลบังคับใช้ ว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจมากขึ้นว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการยุบสภาจะเป็นไปตาม บันทึกความเข้าใจ (MOA) ที่กำหนดกรอบเวลาไว้ คือ ยุบสภาภายใน 31 มกราคม 2569 และจัดการเลือกตั้ง พร้อมประชามติในช่วงปลายเดือนมีนาคม
นายพริษฐ์ ระบุว่า คำถามในประชามติแก้รัฐธรรมนูญจะมี 2 คำถามหลัก ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยรัฐสภาจะต้องลงมติวาระ 3 ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งกรรมาธิการจะเร่งพิจารณาให้จบโดยเร็ว
หากจำเป็นอาจขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาในวาระ 2–3 ทั้งนี้ เราพยายามสร้างร่างที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องมากที่สุด เพราะร่างนี้จะผ่านได้ต้องมีเสียงเกินครึ่งของสมาชิกรัฐสภา และได้เสียงฝ่ายค้านอย่างน้อย 20% รวมทั้งเสียง ส.ว. หนึ่งในสามเห็นชอบด้วย
นายพริษฐ์ แสดงความกังวลต่อการ จัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งล่วงหน้า เนื่องจาก พ.ร.บ.ประชามติ ยังไม่ได้ระบุขั้นตอนดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน โดยเตรียมเชิญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาหารือแนวทางในสัปดาห์หน้า
เพื่อให้ประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าสามารถออกเสียงประชามติได้พร้อมกัน โดยเป้าหมายคือทำให้ประชาชนใช้สิทธิได้ครบถ้วนทั้งเลือกตั้งและประชามติ โดยไม่เกิดความสับสนหรือซ้ำซ้อนทางกฎหมาย”
ในส่วนของ โมเดล ส.ส.ร. (สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) นายพริษฐ์ เผยว่า คณะกรรมาธิการจะหารือรายละเอียดในสัปดาห์นี้ เพื่อหาฉันทามติจากร่างทั้งสองฉบับที่รัฐสภารับหลักการไว้ ซึ่งยังมีเนื้อหาต่างกันบางประการ
พร้อมย้ำว่า โมเดลที่จะเสนอจะต้องไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องไม่ผูกขาดโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และต้องสะท้อนเจตจำนงของประชาชน
ส่วนการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีอ้างว่า “แก้รัฐธรรมนูญโดยไม่ทำประชามติก่อน” อาจขัดต่อคำวินิจฉัยศาล นายพริษฐ์ ยืนยันว่า กระบวนการที่รัฐสภาดำเนินอยู่ “ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน” และถือเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะใช้กลไกตรวจสอบตามกฎหมาย
สำหรับไทม์ไลน์ทางการเมือง นายพริษฐ์ ระบุว่า รัฐบาลยังคงยืนยัน โรดแมปเดิม ยุบสภา 31 มกราคม 2569 และจัดการเลือกตั้งพร้อมประชามติปลายเดือนมีนาคม ขณะเดียวกัน ยังต้องรอความชัดเจน จากรัฐบาลในเรื่อง ประชามติ MOU 43–44 ว่าจะจัดกี่คำถาม และจะแยกการออกเสียงหรือไม่
ดังนั้น รัฐบาลควรชี้แจงให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลรอบด้าน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการเจรจาระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับกัมพูชา และควรมีกลไกสำรองในกรณีที่ผลประชามติออกมาสนับสนุนให้ยกเลิก MOU
นายพริษฐ์ ทิ้งท้ายว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าตามแผน ไม่มีสัญญาณชะลอหรือเบี่ยงเบนกรอบเวลา พร้อมเชื่อว่ากระบวนการทั้งหมดสามารถเดินหน้าได้ตามเป้าหมาย เพื่อให้ประเทศไทยได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน นายพริษฐ์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเดินหน้า “ปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์” อย่างจริงจัง โดยมองว่าเป็นวาระเร่งด่วนระดับโลก ที่ไทยควรแสดงบทบาทเชิงรุก เพราะหากทำสำเร็จจะเท่ากับ “ยิงปืนนัดเดียว ได้นกถึง 3 ตัว” ทั้งแก้ปัญหาความปลอดภัย เสริมพลังการทูต และยกระดับอิทธิพลของไทยบนเวทีโลก
นายพริษฐ์ อธิบายว่า ประการแรก การปราบสแกมเมอร์คือการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วโลก ประการที่สอง หากรายได้ของผู้มีอิทธิพลบางส่วนในกัมพูชามาจากขบวนการสแกมเมอร์ การตัดท่อน้ำเลี้ยงนี้จะช่วยให้การเจรจาข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และประการที่สาม หากไทยสามารถแสดงบทบาทนำในประเด็นนี้ได้ก่อนใคร จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ประเทศในเวทีโลก และเป็นโอกาสดึง ประเทศมหาอำนาจมาร่วมมือกับไทย ในการสกัดอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบใหม่
ในส่วนของสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน นายพริษฐ์ ย้ำว่า การยุบสภาตามบันทึกความเข้าใจ (MOA) ต้องเกิดขึ้นควบคู่กับการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเป้าหมายยังคงเดิม คือ ยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 และจัดเลือกตั้งพร้อมประชามติในเดือนมีนาคม
ซึ่งประชาชนไม่ต้องการเห็น “การยุบสภาเพื่อหนีการตรวจสอบ” พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน จึงจะทำหน้าที่ผลักดันให้รัฐบาลปฏิบัติตาม MOA อย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการตรวจสอบอย่างเข้มข้น
สำหรับแนวโน้มการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายพริษฐ์ ตอบว่า พรรคประชาชนเปิดกว้างต่อการใช้กลไกตรวจสอบทุกช่องทาง แต่จะพิจารณาตาม “เหตุผลและเนื้อหา” ไม่ใช่เพียงเพื่อการเมือง
โดยพรรคประชาชนมีสิทธิ์ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นกัน แต่เราจะรักษาสมดุลระหว่างการผลักดันเป้าหมายตาม MOA กับการตรวจสอบรัฐบาล เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนให้มากที่สุด
หากรัฐบาลจริงจังกับการปราบแก๊งสแกมเมอร์และเดินหน้าโรดแมปการเมืองอย่างโปร่งใส ประเทศไทยจะสามารถยืนในจุดที่ “ทั้งมั่นคงจากภายใน และมีบทบาทนำในระดับโลก” ได้พร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





