“รมช.คลัง” แจงคนละครึ่งพลัส! ร้านค้ายืนยันตัวตนออนไลน์ได้
“รมช.คลัง” แจงคนละครึ่งพลัส! ร้านค้ายืนยันตัวตนออนไลน์ได้ เร่งตรวจสอบร้านจริง หวั่นสแกมเมอร์ หลังห่างจากโครงการเดิม 3 ปี ขณะ “ส.ว.พละวัต” ชมโครงการได้รับเสียงตอบรับดี แนะเพิ่มช่องทางบริการ ลดแออัดหน้าธนาคาร
การประชุมวุฒิสภา นายพละวัต ตันศิริ สมาชิกวุฒิสภา ได้ตั้งกระทู้ถามด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรี เรื่อง “ปัญหาการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งพลัส” โดยมีนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงแทน
นายพละวัต ระบุว่า โครงการคนละครึ่งพลัสถือเป็นมาตรการสำคัญในการ “กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นแต่กระจายผลได้ยาว” ซึ่งได้รับเสียงตอบรับดีจากประชาชนและผู้ประกอบการทั่วประเทศ มีการลงทะเบียนจำนวนมากจนระบบหนาแน่น บางสาขาธนาคารเกิดความแออัด ระบบแอปพลิเคชันช้า หรือร้านค้าบางรายเอกสารไม่ครบตามขั้นตอน จึงเสนอให้รัฐบาลเพิ่มช่องทาง “ลงทะเบียนออนไลน์เต็มรูปแบบ” สำหรับร้านค้า เพื่อแนบเอกสารและยืนยันตัวตนผ่านระบบ ได้โดยไม่ต้องไปธนาคาร รวมถึงตั้งจุดบริการชั่วคราวในชุมชน และจัดเจ้าหน้าที่อาสาดิจิทัลช่วยเหลือผู้สูงอายุและร้านค้ารายย่อย
นายวรภัค รมช.คลัง ชี้แจงว่า ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนสำเร็จแล้วกว่า 17 ล้านราย ยอมรับว่า มีประชาชนจำนวนมากไปที่ธนาคารจริง โดยเฉพาะกลุ่มที่ เปลี่ยนเบอร์มือถือกว่า 460,000 ราย และ ลืมรหัสอีก 450,000 ราย ทำให้ไม่สามารถ ยืนยันตัวตนออนไลน์ได้
สำหรับร้านค้าที่พบปัญหาในการลงทะเบียน นายวรภัค อธิบายว่า เนื่องจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ห่างจากโครงการเดิมถึง 3 ปี จึงต้องตรวจสอบว่าร้านค้ายังเปิดดำเนินกิจการอยู่จริง เพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์หรือ “ร้านม้า–บัญชีม้า” ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดยขณะนี้ได้ประสานกับกระทรวงมหาดไทยและธนาคารกรุงไทย ตั้งบูธให้บริการยืนยันตัวตนกว่า 980 จุดทั่วประเทศ ทั้งนี้ เราต้องการให้เงินแผ่นดินถูกใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ ตรวจสอบร้านค้าให้ชัดเจน แต่ก็รับข้อเสนอของ ส.ว. ไปปรับปรุง เพื่อให้ทำธุรกรรมออนไลน์ได้มากที่สุด ลดภาระประชาชน
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังตั้งเป้าให้ประชาชนใช้สิทธิ์รวม 20 ล้านคน และมีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 9 แสนราย ซึ่งขณะนี้ลงทะเบียนแล้วกว่า 3 แสนราย พร้อมเปิดให้ร้านค้าสมัครได้ถึงวันที่ 19 ธันวาคม
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังตั้งเป้าให้ประชาชนใช้สิทธิ์รวม 20 ล้านคน และมีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 9 แสนราย ซึ่งขณะนี้ลงทะเบียนแล้วกว่า 3 แสนราย พร้อมเปิดให้ร้านค้าสมัครได้ถึงวันที่ 19 ธันวาคม
อย่างไรก็ตาม ฐานข้อมูลจากโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนเศรษฐกิจระยะยาวของรัฐบาล หากเชื่อมโยงข้อมูลผู้บริโภคและร้านค้าเข้าด้วยกัน จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและป้องกัน ปัญหาการสแกนจ่ายปลอมได้อย่างยั่งยืน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





