Home
|
ข่าว

“โรม” จี้รบ.แจงผ่อนปรนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขู่ถ้าเงียบเจอซักฟอก

Featured Image
“โรม” จี้ รัฐบาลแจงผ่อนปรนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขู่ ถ้าเงียบเตรียมซักฟอก เปิดปมโยง “เบน สมิธ-ทักษิณ” ชี้ เครือข่ายทุนสวมรอยคุมรัฐ ขณะ ชู 3 ทางออกชายแดนไทย–กัมพูชา มองปิดด่านไม่ช่วยอะไร แนะสร้างความสัมพันธ์ใหม่

 

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเครือข่าย “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ระบุว่า หากรัฐบาลยัง “นิ่งเฉย” หรือ “ผ่อนปรน” มาตรการปราบปราม อาจเข้าข่าย “ขัดคำแถลงนโยบาย” และพรรคประชาชนจำเป็นต้อง “ยกระดับการตรวจสอบ” ซึ่งรวมถึงการใช้เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ

 

โดยกลไก กมธ.ทำงานต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายบริหาร ทั้งรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีกลับเงียบ จึงจำเป็นต้องขยายผลการตรวจสอบให้เข้มข้นมากขึ้น พร้อมย้ำว่า “ถ้าเรื่องนี้จบง่าย รัฐมนตรีมาชี้แจงเอง คงไม่ต้องใช้เวทีซักฟอก”

 

ทั้งนี้ ขอเปิดข้อมูลใหม่ในเครือข่าย “เบน สมิธ” ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งเชื่อมโยงนักการเมืองไทยหลายราย โดยอ้างคำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่า “เบน สมิธ” รู้จักกับนายทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่สมัยอยู่ดูไบ พร้อมฝากถึง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร” และครอบครัวชินวัตร ให้ช่วยชี้แจงความสัมพันธ์ดังกล่าวต่อสาธารณะ

 

ซึ่งหลักฐานที่ได้เพิ่มขึ้นเกินกว่า 48 หน้าแล้ว มีทั้งเอกสารตราตั้งของ “ฮุน เซน” ต่อ “เบน สมิธ” และข้อมูลบริษัทที่เชื่อมโยงเครือข่ายทุน ทั้งกลุ่มพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทที่มีหน่วยงานรัฐถือหุ้นอยู่ โดยบางส่วนอาจเกี่ยวข้องกับ “เงินสีเทา” ที่ไหลสู่การเมือง ใช้เป็นทุนหาเสียงพรรคการเมืองในหลายการเลือกตั้ง

 

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาเชื่อมโยงกับ ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา มีการโยกย้ายฐานปฏิบัติการเมื่อถูกปราบปราม ย้ำว่าการ “ตัดไฟ–ตัดน้ำ–ตัดเน็ต” ไม่เพียงพอ พร้อมเรียกร้องให้ตรวจสอบว่ามี “การผ่อนปรน” ในรัฐบาลหรือไม่ โดยเฉพาะต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ซึ่งอาจขัดต่อคำแถลงนโยบายเอง

 

ขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา หลังจากมีข้อเสนอของกองทัพให้ “ปิดด่านชายแดน” จนกว่ากัมพูชาจะยุติพฤติกรรมที่เป็นภัยคุกคาม ซึ่งการปิดด่านเป็นเพียง “มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ” ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง เพราะรายได้หลักของกัมพูชาไม่ได้มาจากการค้าชายแดน แต่มาจาก “แก๊งสแกมเมอร์” ที่ยังคงระบาดหนักในพื้นที่

 

จึงจำเป็นต้องใช้แนวทางที่มี “หลักการร่วมกัน” มากกว่าการปิดด่านเพียงอย่างเดียว จึงขอเสนอแนวทางคลี่คลายปัญหา 3 ข้อ คือ

1.การกวาดทุ่นระเบิดร่วมกัน เพื่อสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน

2.การถอนอาวุธหนักลดความตึงเครียดระหว่างประเทศ

3.การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์อย่างจริงจัง

 

นายรังสิมันต์ ย้ำว่า หากทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงที่ชัดเจนและจริงใจในการดำเนินการทั้ง 3 ด้าน จะเป็นจุดเริ่มต้นของ “ความสัมพันธ์ใหม่” ที่นำไปสู่การเปิดด่านและเจรจาได้ในอนาคต ส่วนด่านชายแดนไม่ใช่แค่ ช่องทางเศรษฐกิจ แต่เป็น “สัญลักษณ์ของความสัมพันธ์” ระหว่างประเทศ การปิดด่านนานเกินไปสร้างผลกระทบต่อประชาชนและธุรกิจในพื้นที่ พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศมองภาพรวม ไม่ใช่เพียงผลทางเศรษฐกิจระยะสั้น

 

สำหรับเสียงวิจารณ์ว่า การปราบแก๊งสแกมเมอร์เท่ากับ “ทุบหม้อข้าว” ฝั่งกัมพูชา นายรังสิมันต์ ตอบกลับว่า “ตราบใดที่หม้อข้าวนั้นคือการหลอกลวงคนไทย เราจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีได้อย่างไร”
พร้อมย้ำว่า การปราบสแกมเมอร์คือ “กุญแจสำคัญ” ที่จะนำไปสู่การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างยั่งยืน

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube