รบ.ดูแลแรงงานไทย เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน
“สิริพงศ์” เผยรัฐบาลดูแลแรงงานไทย เพิ่มสิทธิประโยชน์ทดแทนผู้ประกันตน ขับเคลื่อนกฎหมายสำคัญต่อเนื่อง เดินหน้า เร่งเดินหน้าร่าง พ.ร.ฎ. ฯ พัฒนาสิทธิประโยชน์ประกันสังคมมาตรา 40
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญในการผลักดันและขับเคลื่อนกฎหมายสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อภาคแรงงาน
ซึ่งมีส่วนสำคัญช่วยเศรษฐกิจไทยเดินหน้า โดยได้มีการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการพัฒนาสิทธิประโยชน์ประกันสังคมมาตรา 40 สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ให้มี “หลักประกันทางสังคม”
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีเป้าหมายที่จะขยายหลักประกันทางสังคมให้ครอบคลุมแรงงานอิสระ 20 ล้านคนในประเทศไทย โดย ณ เดือนสิงหาคม 2568 มีผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวนกว่า 11,018,243 คน ให้ความสนใจสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 อย่างต่อเนื่อง
โดยแรงงานภาคอิสระสามารถสมัครรับความคุ้มครอง หรือเลือกจ่ายเงินสมทบตามความเหมาะสมกับตนเองได้
โดยร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทนตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคล ซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ในการพัฒนาสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน
ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคล ซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2561 ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) ปรับลดระยะเวลาการได้รับเงินทดแทน กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยของผู้ประกันตน ที่แพทย์มีความเห็นให้หยุดพัก เป็นตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป ทางเลือกที่ 1-3 พร้อมเพิ่มอัตราจ่ายกรณี ผู้ป่วยนอกเป็น 200 บาท (ทางเลือกที่ 1-2) และกำหนดอัตราใหม่ 200 บาท (ทางเลือกที่ 3)
2) กำหนดให้ผู้ประกันตนทางเลือกที่ 1-3 ที่เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่ออันตราย รวมถึงโควิด-19 และแพทย์มีความเห็นให้หยุดพักตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป มีสิทธิได้รับเงินทดแทน 200 บาท/วัน โดยให้ใช้สิทธิย้อนหลัง กรณีผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563-30 กันยายน 2565 มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ตามกฎหมายใหม่
3) แก้ไขหลักเกณฑ์การจ่ายเงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ สำหรับผู้ประกันตนทางเลือกที่ 1-2 เป็นเงินทดแทนรายเดือนตลอดชีวิต และเพิ่มอัตราจ่ายเป็น 1,000-2,000 บาท/เดือน และทางเลือกที่ 3 เป็น 1,500-3,000 บาท/เดือน ระยะเวลาความคุ้มครองตลอดชีวิตสำหรับทุกทางเลือก
4) แก้ไขระยะเวลาและอัตราเงินสงเคราะห์บุตรของผู้ประกันตนทางเลือกที่ 3 เป็น 300 บาท/เดือน ต่อบุตร 1 คน คราวละไม่เกิน 2 คน สำหรับบุตรอายุไม่เกิน 7 ปี บริบูรณ์
5) แก้ไขหลักเกณฑ์การจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่ผู้ประกันตนทางเลือกที่ 2-3 กรณีถึงแก่ความตายก่อนอายุครบ 60 ปี หรือก่อนได้รับสิทธิกรณีชราภาพ โดยให้จ่ายเงินแก่บุคคลซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพนั้น แต่ถ้าผู้ประกันตนไม่ทำหนังสือระบุไว้ให้นำมาเฉลี่ยจ่ายให้แก่คู่สมรส บิดามารดา บุตรของผู้ประกันตนในจำนวนที่เท่ากัน
6) กำหนดบทเฉพาะกาล ผู้ประกันตนทางเลือก 1-3 ที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยก่อนพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ จะมีสิทธิได้รับเงินทดแทนตามหลักเกณฑ์ใหม่ เป็นต้น
“ไทม์ไลน์หลังจากที่ ครม. ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาฯ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 แล้ว และได้ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาตรวจร่างพระราชกฤษฎีกาฯ หากเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะส่งให้สำนักงานประกันสังคมยืนยันและส่งร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





