ถนนทรุดลาม สน.สามเสน นายกฯ-ผู้ว่าฯ กทม. สั่งรื้อทันที
ถนนทรุดสามเสนลุกลาม หน่วยงานระดับสูงทั้งนายก-กทม.-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งรื้อทิ้งและสร้างใหม่ทันที
จากเหตุถนนทรุดตัวบริเวณสามเสน จนสร้างความตื่นตระหนกต่อสังคม ล่าสุดปัญหาลุกลามไปยัง สถานีตำรวจนครบาลสามเสน อาคารใหม่ที่เพิ่งใช้งานได้ไม่กี่ปี แต่กลับเจอวิกฤตเสาเข็มหักหลายต้น ทำให้โครงสร้างบิดเบี้ยวและมีความเสี่ยงต่อการพังถล่มลงมา หน่วยงานระดับสูงทั้งนายกรัฐมนตรี กทม. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเร่งหาข้อสรุป จนวันนี้ได้ข้อยุติชัดเจนว่า ต้องรื้อทิ้งและสร้างใหม่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเองเมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนแถลงยืนยันว่า การประเมินด้านวิศวกรรมชี้ชัด อาคารดังกล่าวไม่ปลอดภัยแล้ว “อาคารเริ่มหลุดจากศูนย์กลางโครงสร้าง ตำรวจไม่ควรต้องทำงานในสถานที่เสี่ยงอันตราย เราจะไม่ปล่อยให้ใครเข้าไปเสี่ยงในอาคารหลังนี้อีกต่อไป ทางออกเดียวคือรื้อออกและสร้างใหม่” นายกรัฐมนตรีระบุว่า ความรับผิดชอบจะอยู่ที่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และผู้รับเหมา ซึ่งต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมยืนยันตรงกันว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่สามารถซ่อมให้กลับมาแข็งแรงดังเดิมได้ หากดื้อดึงใช้งานอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนที่มาติดต่อดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเห็นชอบที่จะสร้างสถานีตำรวจใหม่ทั้งหมด ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่ทำงานชั่วคราวของตำรวจในช่วงเปลี่ยนผ่าน จะถูกผลักภาระไปยังรฟม.และผู้ก่อสร้างเช่นกัน
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังการประชุมคณะทำงานว่า สถานการณ์มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หลังจากพบเสาเข็มชำรุดเพิ่มจาก 3 ต้นเป็น 4 ต้น และเสาหลักหมายเลข 3 เกิดความเสียหายต่อเนื่องเพื่อป้องกันการถล่มลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว จึงมีคำสั่งเร่งด่วน 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ย้ายรถทั้งหมดราว 30 คันออกจาก สน.สามเสนเริ่มรื้อถอนจากฝั่งขวาของอาคารที่เสี่ยงที่สุดเพื่อลดน้ำหนักเสริมความมั่นคงด้านถนนสามเสน ติดกับแยกวชิระ เพื่อกันดินสไลด์เสริมโครงสร้างอุโมงค์ใต้ดินที่อยู่ใต้สถานีตำรวจ
ตรวจสอบแฟลตตำรวจด้านหลังให้มั่นใจว่าไม่มีผลกระทบ เฝ้าระวังและตรวจสอบอาคารโรงพยาบาลวชิระอย่างใกล้ชิด งบประมาณเบื้องต้นที่รฟม.และผู้รับเหมาจะต้องแบกรับอยู่ที่กว่า 40 ล้านบาท
ตามรายงานวิศวกรรม ระบุว่า “การทรุดตัวและดินสไลด์” เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เสาเข็มหลักหักทีละต้น เริ่มจากเสาหมายเลข 5 และลุกลามมาถึงเสาหมายเลข 3 ซึ่งเป็นเสาหลักในการรับน้ำหนักอาคาร ทำให้เกิดรอยร้าวและบิดเบี้ยวต่อเนื่อง
แม้จะพยายามถมทรายกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตร และเสริมเสาเข็ม แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความเสียหายได้ หากยังคงแก้ไขเฉพาะจุดอาจมีความเสี่ยงสูงที่อาคารจะถล่มในระหว่างการซ่อม นักวิศวกรรมยืนยันตรงกันว่า “ค่าใช้จ่ายซ่อมจะสูงกว่าสร้างใหม่ และไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
