โล่งใจ! “ออม สุชาร์” จบดราม่า คนไม่เข้าใจผิด รับกังวลธุรกิจ จะทำเต็มที่

โล่งใจ! “ออม สุชาร์” จบดราม่า คนไม่เข้าใจผิด รับกังวลธุรกิจ เตรียมฟื้นฟูแบรนด์จะทำเต็มที่ อึ้งไลฟ์เดียวสินค้าหมดสต็อก

 

จบไปแล้วกับดราม่าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนักแวดงสาว “ออม สุชาร์” โดยตรง ซึ่งตอนนี้ “ออม” ได้ถือหุ้นบริษัทแล้ว 100% เรียกได้ว่าตัดจบปัญหาเสียที วันนี้ได้เจอ “ออม” ที่งานฉลองครบรอบ 11 ปี THE FACE SHOP จึงได้พูดคุยกันเพิ่มเติมว่า

 

“คือทุกอย่างก็จะมีสเต็ป อย่างที่ผ่านมาเป็นช่วงวิกฤต แล้วก็แก้วิกฤตไปแล้ว ต่อไปก็เป็นช่วงของการฟื้นฟูแบรนด์รวมถึงหาของมาขายตามความต้องการของลูกค้า แล้วก็รวมถึงแพลนของปีหน้าก็มีการวางไลน์ โปรดักซ์ แล้วก็รวมถึงสเกลแบรนด์อะไรต่างๆ ก็ได้ทำเต็มที่

 

 

ตนเป็นคนขี้กังวลอยู่แล้ว ถ้าถามเรื่องกังวลจะทำคนเดียวหรือทำด้วยกันก็กังวล แต่ตอนนี้ก็แค่พยายามตั้งใจทำของออกมาให้ได้ดีที่สุดมากกว่า เพราะเราเชื่อว่าตอนนี้มีหลาย ๆ คนเปิดใจยอมรับ Fleen Beauty แล้ว มิชชั่นต่อไปก็คือทำของที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมให้กับลูกค้าที่เปิดใจซัพพอร์ตเรามากกว่า อันนี้คือมิชชั่น คือทำของให้ดีที่สุด

 

ปีหน้าเตรียมพร้อม แต่ก็ต้องบอกว่าไม่ได้เร็วขนาดนั้น เพราะว่าตนบอกของช้า อย่างปีนี้ยังออกได้แค่ลิป 2 รุ่น ปีหน้าจริง ๆ ก็วางแพลนไว้หลายตัว แต่มันก็แล้วแต่ว่าตัวไหนจะพัฒนาในแบบที่คิดว่าพร้อมออกมาแล้วอะไรแบบนี้มากกว่า

 

 

ล่าสุดไม่คิดว่าจะมีวันที่ตนไลฟ์ขายครั้งเดียวแล้วลิฟต์หมดสต๊อก ไม่ได้เตรียมรับจุดนี้ เพราะว่าเวลาสั่งของมาก็เตรียมไว้ขาย 2 – 3 เดือน แล้วเวลารีเพลสออเดอร์มันไม่ได้เร็วมากขนาดนั้นแพ็กเกจจิ้งเอย คิวของการโปรดักต์ชั่นเอย มันทำให้ตอนนี้มันไม่มีของขาย ก็เลยคิดว่าอาจจะมีพรีออเดอร์หรือเปล่า กำลังประชุมกันว่าในระบบมันสามารถทำได้ไหม เพราะว่าก็อยากให้ทุกคนได้ใช้ของเรา

 

ตอนนี้ก็มีการพัฒนาลิปไว้แล้วอีก 2 – 3 สี เป็นสีใหม่ ยังไม่ได้ตั้งชื่อสีเลย แต่ว่ามันสนุกนะเวลาทำสิ่งนี้ พอเราชอบแล้วได้ทำ ได้ครีเอทีฟ ได้มีอิสระในทางความคิดของเรา ก็เต็มที่

 

 

เรียกได้ว่าตอนนี้เป็นพนักงานประจำเข้าออฟฟิศ 10:00 น. ถึง 19:00 น. แต่ว่าก็มีแอบแว๊บ ๆ บ้างเพราะว่ามางานข้างนอก แต่หลัก ๆ ตอนนี้ก็เข้าออฟฟิศเป็นรูทีนมากกว่า เพราะว่าเวลามีปัญหาแก้ไขได้ทันทีเวลาเราเข้าออฟฟิศ

 

จากเรื่องที่เกิดขึ้นคิดว่าการทำธุรกิจทุกอย่างไม่ว่าจะแขนงไหนก็มีปัญหากันทั้งนั้น เพียงแค่รู้หรือไม่รู้เท่านั้นเอง ของคนอาจจะเป็นเรื่องอยู่ในที่แจ้ง ทุกคนก็เลยรับรู้อะไรอย่างนี้ ก็คิดว่าปัญหาอาจจะเป็นเรื่องปกติของคนทำธุรกิจ ทุกคนอาจจะได้พบเจอกัน

 

 

พอได้เคลียร์มันก็โล่งที่ทุกคนเข้าใจ ไม่มีคนเข้าใจผิดว่าตนเป็นคนเหลี่ยม หรือเป็นคนไม่ดีไม่มีศีลธรรม สบายใจตรงนี้มาก ๆ เพราะตนรู้สึกว่าเราเติบโตมาในวงการนี้ อยู่ได้เพราะมีคนรัก ประชาชนสนับสนุนเราถึงมีวันนี้ แล้วพอประชาชนได้รู้เรื่องนี้เขาจะได้ไม่รู้สึกผิดหวังในตัวเรา อันนี้เป็นสิ่งที่ตนโล่งใจมากกว่า ส่วนเรื่องของการทำงานมันก็มีเรื่องที่ได้มีอิสระทางความคิดมากขึ้น ทุกอย่างมันก็ดำเนินต่อไปได้

 

หลังจากนี้อาจจะต้องถามน้องสาว จริง ๆ ทุกเรื่องเขาก็น่ารัก คือตนกับน้องสาวคนละสายกันเลย ตนจะเป็นแบบศิลป์ ๆ ติสต์ ๆ นิดนึง แต่น้องเขาจะเป็นวิชาการมาก เป็น business management เป็นนิติศาสตร์ ตนก็จะเป็นละครเวที มันเหมือนคนละด้านกันเลย ก็เป็นการผสมผสานที่ก็คิดว่าก็ดูลงตัวนะ แล้วก็ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน

 

 

เผนน้องสาวก็คือต้องเป็นพนักงานประจำเหมือนกัน เดี๋ยวให้สิทธิ์ลาคลอดเฉย ๆ 3 เดือนแล้วเดี๋ยวกลับมาใหม่

 

หลังจานี้ โฟกัสงาน ตนสนุกที่ได้ทำงาน มันรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ชอบด้วย มันเหมือนได้เจอแพชชั่นอีกอย่างหนึ่งของตนนอกจากเรื่องของการเล่นละคร”

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews