“รังสิมันต์” จี้ “อนุทิน” อย่าฝากความหวังทหารแก้ปัญหาชายแดน

“รังสิมันต์” แฉ “เบน สมิธ” ที่ปรึกษา “ฮุน เซน” เอี่ยวสแกมเมอร์–กาสิโน โผล่ร่วมวง “ทักษิณ-ธรรมนัส” จี้ “อนุทิน” อย่าฝากความหวังทหารแก้ปัญหาชายแดน

 

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อรับฟังนโยบายรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยเปิดประเด็นร้อนโยงปัญหาความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ว่า ไม่ได้จำกัดแค่ข้อพิพาทเขตแดน แต่เชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ การฟอกเงิน และแก๊งสแกมเมอร์ที่มีมูลค่ามหาศาล

 

นายรังสิมันต์ แฉว่า กลุ่มทุนสีเทาในกัมพูชามีรายได้จากสแกมเมอร์ปีละเกือบ 9 แสนล้านบาท หรือกว่า 60% ของ GDP กัมพูชา โดยมีเครือข่ายกว่า 50 แห่งส่วนใหญ่ตั้งใกล้ชายแดนไทย อาศัยทรัพยากร และสาธารณูปโภคจากฝั่งไทยเป็นตัวขับเคลื่อน

 

พร้อมเปิดชื่อบุคคลสำคัญในเครือข่าย ทั้งก๊ก อาน ราชาแห่งปอยเปต, ลี ยง พัด ราชาแห่งเกาะกง, ฮุน โต ลูกพี่ลูกน้องของอดีตผู้นำกัมพูชา รวมถึง “เบน สมิธ” ที่ปรึกษาคนสนิทของฮุน เซน

 

นายรังสิมันต์ กล่าวหาว่า เบน สมิธ ไม่เพียงมีบทบาทในธุรกิจสีเทา แต่ยังปรากฏตัวร่วมกับนักการเมืองไทยระดับสูงหลายครั้ง ทั้งอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรฯ รวมถึงมีชื่อร่วมงานบุญและการประชุมเกี่ยวกับโครงการ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ในไทย ซึ่งอาจถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงินจากกาสิโนในกัมพูชาเข้าประเทศไทย

 

ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่ใช่แค่ทางผ่านสู่ประตูนรกอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็น ‘จุดหมายปลายทาง’ ของกระบวนการสีเทา พร้อมเตือนรัฐบาลชุดนี้ว่า หากไม่จัดการเด็ดขาด ประเทศไทยอาจถูกยึดครองโดยเครือข่าย สแกมเมอร์ผ่านกลไกทางเศรษฐกิจและการเมือง

 

นายรังสิมันต์ ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาอย่างจริงจัง ไม่ซ้ำรอยรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเสนอให้ตั้งศูนย์ปราบสแกมเมอร์ข้ามชาติที่บูรณาการหลายหน่วยงาน, ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายสีเทา, คุมเข้มธุรกรรมคริปโต และพิจารณาใช้กลไกศาลอาญาระหว่างประเทศเอาผิดกัมพูชา พร้อมย้ำว่า “หากคิดจะฝากความหวังให้ทหารแก้ปัญหาชายแดนเพียงอย่างเดียว ถือว่าคิดผิด”

 

นอกจากนี้ ยังเตือนรัฐบาลให้รอบคอบเรื่องการยกเลิก MOU ไทย–กัมพูชา ที่เกี่ยวพันกับเขตแดนและทรัพยากรทางทะเล เพราะหากตัดสินใจโดยไม่ประเมินรอบด้าน อาจทำให้ไทยเสียเปรียบ
ทั้งทางกฎหมายและเศรษฐกิจ พร้อมย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดคือการถอนอาวุธหนัก ร่วมมือกู้ทุ่นระเบิด และปราบปรามสแกมเมอร์ เพื่อสร้างความปกติสุขตามแนวชายแดน

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews