เร่งช่วยผู้บริสุทธิ์ถูกระงับบัญชี พิสูจน์เร็วปลดล็อกไว
“บิ๊กอรรถ” เผย ตำรวจไซเบอร์ ร่วมธนาคาร และ ปปง. ปลดอายัดบัญชีหากไม่เกี่ยวข้องการกระทําผิด
วันนี้(22 ก.ย. 68) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยความคืบหน้ากรณีระงับบัญชีแก๊งคอลเซ็นเตอร์กระทบประชาชนบริสุทธิ์ ว่า สืบเนื่องเนื่องจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ปรับวิธีในการหลอกประชาชน
โดยอาจจะมีการหลอกผู้บริสุทธิ์ ให้ตกเป็นเหยื่อในกระบวนการฟอกเงินโดยไม่รู้ตัว เช่นหลอกให้นำบัญชีของร้านค้าและบัญชีส่วนตัวที่ไม่ทราบเรื่องไปรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำผิดแล้วโอนเงินออกต่อไปยังบัญชีอื่น
ในเรื่องนี้ทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้มีข้อสั่งการให้สถานีตำรวจทุกหน่วยต้องรับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการถูกอายัดบัญชีที่เชื่อว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดและส่งข้อมูลมายังศูนย์ PCT หรือระบบ TPO ในระบบโพลิสออนไลน์ ซึ่งมีทางตำรวจไซเบอร์เป็นผู้ดูแล จากนั้นจะส่งต่อไปยังศูนย์ AOC ของกระทรวงอีดี เพื่อประสานต่อไปยังธนาคารดําเนินการปลดล็อคอายัดบัญชีที่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจริง
ด้าน พ.ต.อ.ก้องกฤษฎา กิตติถิระพงษ์ รอง ผบก.ตอท. ระบุว่า ขั้นตอนการรับเรื่องจากประชาชน สามารถแจ้งความมายัง 1599 หรือ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พบหรือเดินทางแจ้งด้วยตนเองที่สถานีตำรวจใกล้บ้านเพื่อรับเรื่องไว้ โดยแจ้งเพียงชื่อ สกุล เลขธนาคาร ชื่อธนาคาร เบอร์โทรศัพท์ และเหตุผลที่จะถอนอายัด จากนั้นตำรวจจะมีการตรวจสอบเบื้องต้นว่าท่านถูกอายัดด้วยเหตุผลใด หากถูกอายัดด้วยการเป็นบัญชีม้าก็จะต้องเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง
แต่หากถูกระงับด้วยเหตุอื่นที่เป็นมาตรการของทางธนาคารและยังไม่ทราบว่าเป็นการระงับด้วยเหตุใด ทางตำรวจไซเบอร์จะมีการส่งเรื่องไปยังศูนย์ AOC หรือ ศปอท. เพื่อส่งต่อไปยังธนาคารเพื่อตรวจสอบแล้วส่งกลับมาให้ตำรวจไซเบอร์เพื่อแจ้งไปยังทางผู้แจ้งให้ทราบ หากพบว่าเป็นเหยื่อที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เจ้าหน้าที่จะเร่งพิจารณาปลดล็อคโดยเร็วที่สุด
สำหรับกรอบระยะเวลาขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการเป็นบัญชีม้า หากเป็นบัญชีม้าดำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ จะต้องส่งเรื่องไปยัง ปปง.เพื่อเพิกถอนรายชื่อซึ่งขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่นำมาแสดงเพียงพอหรือไม่ หากเป็นม้าเทาเข้ม ที่มีผู้เสียหายและรู้ตัวว่ามีการกระทำผิดต้องเร่งไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นจะส่งเรื่องตามขั้นตอนซึ่งกรอบระยะเวลาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับการเข้าพบพนักสอบสวน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวเน้นย้ำว่า การส่งข้อมูลของทางเจ้าหน้าที่เป็นการส่งแบบเรียวไทม์ทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อรับข้อมูลเข้าระบบก็จะมีการส่งต่อเพื่อตรวจสอบเพื่อคัดแยกโดยทันทีเพื่อการปลดอายัด ที่จะช้าก็คือกรณีมีคดีเข้าไปเกี่ยวข้องซึ่งต้องพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำเป็นพยาน รวมถึงตรวจสอบพยานเอกสารหากรับฟังได้เพียงพอก็จะไม่มีการดำเนินคดี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





