Home
|
ทั่วไป

โควิดสายพันธุ์ใหม่ XFG ระบาดในมาเลเซีย

Featured Image
มาเลเซียพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ “XFG” WHO จัดให้อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวัง

 

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2568 นายซุลเคฟลี อาหมัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย แถลงว่ามีการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “เอ็กซ์เอฟจี (XFG)” ในประเทศ โดยคิดเป็นสัดส่วน 8.2% ของผู้ป่วยสะสม 43,087 ราย ตามรายงานสถานการณ์ประจำสัปดาห์ที่ 35 ของปีนี้

 

เขาระบุว่า การตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวมาจากการเฝ้าระวังทางจีโนมที่ใช้ติดตาม การแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ล่าสุดพบว่า สายพันธุ์ที่พบมากที่สุดคือ NB.1.8.1 อยู่ที่ 34% รองลงมาคือ JN.1 (18.1%), XEC (13.3%), XFG (8.2%) และสายพันธุ์อื่น ๆ รวม 21%

 

นายซุลเคฟลีกล่าวเพิ่มเติมว่า จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในสัปดาห์ที่ 35 ของปีนี้ ลดลงถึง 49.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยปีที่แล้วมีผู้ป่วย 85,297 ราย แต่ปีนี้เหลือเพียง 43,087 รายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ดังกล่าวมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นผู้ป่วยติดเตียงอายุ 91 ปี ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมในปี 2568 เพิ่มเป็น 3 ราย

 

สายพันธุ์ XFG คืออะไร

– สายพันธุ์ XFG ถือเป็นหนึ่งในไวรัสโควิดกลายพันธุ์ที่เพิ่งถูกตรวจพบ และถูกองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้อยู่ในกลุ่ม “สายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง” เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากมีคุณสมบัติ ในการแพร่เชื้อได้เร็ว และสามารถ “หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน” ได้มากขึ้น หมายความว่าผู้ที่เคยติดเชื้อ หรือได้รับวัคซีนมาก่อน อาจมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ง่ายขึ้น

 

การจัดกลุ่มไวรัสของ WHO

– WHO จัดแบ่งสายพันธุ์โควิดออกเป็น 3 ระดับ คือ

สายพันธุ์ที่ต้องจับตา (Variant of Interest – VOI)

สายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variant of Concern – VOC) เช่น เดลตา, โอมิครอน

สายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง (Variant Under Monitoring – VUM) ซึ่ง XFG อยู่ในกลุ่มนี้

 

การอยู่ในกลุ่ม VUM หมายความว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีความรุนแรงมากขึ้น แต่พบสัญญาณว่าแพร่เชื้อได้ง่าย และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีน

 

ผลกระทบและคำแนะนำ

-แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในมาเลเซียจะลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง แต่กระทรวงสาธารณสุข ยังคงเน้นย้ำให้ประชาชนเฝ้าระวัง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งเสี่ยงเสียชีวิตสูงที่สุด นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster) ยังคงมีความสำคัญ เพราะแม้ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่ช่วยลดความรุนแรงของอาการได้มาก

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่า หากพบการแพร่กระจายของ XFG ในหลายประเทศ อาจทำให้ต้องมีมาตรการสาธารณสุขเพิ่มเติม เช่น การกลับมารณรงค์ใส่หน้ากากในที่ชุมชน การตรวจ ATK เมื่อมีอาการ และการเร่งฉีดวัคซีนกระตุ้นให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง

 

ดังนั้น การติดตามสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้สายพันธุ์ XFG กลายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่รุนแรงไปมากขึ้น

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube