“บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” เคลียร์ชัดเปิดบาร์โฮสไม่ใช่เพราะประชด

ออกมาเคลียร์กันแบบชัดๆ สำหรับ “บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวเปิดบาร์โฮสไม่ใช่ประชดครอบครัวเก่า แต่เพราะอยากกินเด็กของตัวเอง? รวมไปถึงเรื่องหัวใจที่คนจับตาความสนิทกับสาว “เบสท์ รักษ์วนีย์” เกินเพื่อน? โดยเจ้าตัวได้เปิดใจในรายการคุยแซ่บshow ที่มี “พุฒ พุฒิชัย” และ “ชมพู่ ก่อนบ่าย” เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

คำว่า ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์มาจากไหน?

บิ๊ก : ตอนนั้นผมอยู่ต่างประเทศผมทำคลิปวิดีโอแล้วมีคอมเม้นต์ว่าพูดจาเหมือนผู้ใหญ่บ้านจังเลย เราก็เอ๊ะชอบคำนี้จังผู้ใหญ่บ้าน แต่จะเติมคำว่าอะไรดี ตอนนั้นอยู่ฟินแลนด์ด้วย ก็เลยเติมคำว่าผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ไปเลย

วันนี้มาในฐานะใหม่เจ้าของบาร์โฮสที่ใหญ่ที่สุดในขอนแก่น?

บิ๊ก : เราเปิดมาในเดือนพฤษภา ตอนนี้ก็เข้าเดือนที่ 5 แล้ว ตอนนี้มีบาร์โฮสกว่า 100 ชีวิตแล้ว

หลายคนมองว่าเปิดประชดชีวิต ?

บิ๊ก : (หัวเราะ) จริงๆเรามีแพลนที่จะเปิดอยู่แล้ว ไม่เพราะชีวิต ไปศึกษาดูงานมาตลอด ที่เป็นข่าวเราก็ไปเที่ยวมาจริง พาลูกน้องไปนั่งดูเขา เห็นเงินและดูว่าได้เงิน เลยไปศึกษาดูงานบ้าง

ว่ามันมอมเมาหรือเปล่า?

บิ๊ก : คือมันก็เหมือนผับบาร์ ทั่วไป แค่เราเซอร์วิส พรีเมียมมากขึ้น

บาร์โฮสของเราแตกต่างจากจากที่อื่นยังไง ?

บิ๊ก : จริงๆแล้วก็แทบไม่แตกต่างกันที่อื่นเลย แต่ร้าน  เรา เจ้าของจะคัดเลือกเด็กเอง ที่ร้านอื่นอาจจะใช้ผู้หญิงคัด แต่ที่นี่ผมคัดเอง มีเกณฑ์อยู่ต้องหุ่นเท่านี้ส่วนสูงเท่านี้ ไม่มีพุง ไม่เขินไม่อาย ต้องเหมือนเด็กเสิร์ฟด้วย เอนเตอร์เทนด้วย อายุต้อง 20 ปีขึ้นไป และต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าที่ดื่มสุราตอนกลางคืน ร้านเราจะไม่มีเด็กมืออาชีพเหมือนร้านอื่น ส่วนมากจะเป็นเด็กใหม่ เราก็ลงพื้นที่หลายที่ก่อนจะมาเปิดจริง

กำไร 10 ล้าน? 

บิ๊ก : มันก็น่ามีถึงอยู่ แต่เรามีเด็กเยอะหักลบก็อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น ตัวท็อปคืนนึง 1700 ดื่ม ดริ้งละ 250 จริงๆ เหมือนไม่ได้กินขนาดนั้นแค่เป็นการประมูลให้เด็กลงมาไม่จำเป็นต้องดื่ม

มีกฎห้ามกันเลยไหม ?

บิ๊ก : คือร้านเราห้ามอยู่แล้ว จะไม่ให้ทำผิดกฎ แต่นอกรอบเราก็ไม่รู้ จะซื้อบ้านจะซื้อรถให้กันอันนี้ก็แล้วแต่เขา แล้วแต่ความพึงพอใจของลูกค้า ออกไปแล้วเราก็ห้ามไม่ได้ แต่อยู่ในร้านคุณต้องทำตามกฎของเรา

เปิดบาร์โฮสไม่ใช่ประชด แต่เพราะอยากกินเด็กของตัวเอง?

บิ๊ก : บางทีเรามีความสนิทสนมกับเด็กมาก ไปมาหาสู่กันด้วย จริงๆแล้วไม่ใช่แค่เด็กโฮสหรือคนอื่น เขาว่าผมกินเด็กในค่ายบ้างในวงบ้างอันนี้ก็ไม่สามารถห้ามความคิดใครได้ ก็ลองกินดูบ้างสีสันชีวิต อะไรที่เป็นสีสันของชีวิตทำแล้วไม่ผิดกฎหมายก็ทำไปเถอะพี่ ความสุขของคนเรา

ตอนนี้หัวใจเป็นยังไง? 

บิ๊ก : โสดครับพี่ ก็มีคนมาจีบบ้างครับเวลาทำงาน แต่จะส่งข้อความมาอินสตาแกรมหรือเฟซบุ๊ค

เราไม่ได้จำกัดสถานะ มีคนเข้ามาจีบมากขึ้น?

บิ๊ก : หลังๆ มามีผู้ชายเข้ามาจีบมากขึ้น เป็นผู้หญิง 40 ผู้ชาย 60 ก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีคนมาสนใจ เพราะเรามีครอบครัว ตอนนี้เพศหญิงเพศชายเข้ามาได้หมด

 

เค้าทักมายังไงมีแปลกๆ ไหม?

บิ๊ก : ทำอะไรอยู่ชื่นชอบนะ นัดกินข้าวได้มั้ย อยากเจออยากนั่นนู่นนี่อยากไปหา แต่เราก็ตอบไปบ้างไม่ตอบบ้าง ตามสากลมารยาทก็ต้องตอบ ยอมรับมีไปเช็คโปรไฟล์บ้างถ้าหน้าตาดีก็ตอบ

มีเข้าตาบ้างหรือยัง ?

บิ๊ก : ไม่มี ถึงมีเราก็ไม่รู้จะยังไงเพราะว่าเราไม่เคยเจอตัวจริง

ก็มีคนทักส่งรูป 18+ เข้ามา?

บิ๊ก : มีทั้งชายและหญิง ส่งของเค้ามาที่มัน 18+ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ของผู้ชายก็จะเป็นบานาน่า เราก็แคปให้ทีมงานดูเป็นหลักฐาน ผมก็ไม่กล้าตอบ กลัวเค้าแคปไปแชร์

อะไรที่ทำให้คิดว่าคนทุกเพศทุกวัยหันมาสนใจในตัวเรา ?

บิ๊ก : หนึ่งคือเราไม่มีครอบครัว เราอยู่คนเดียวด้วย เราก็เปิดรับทุกคนที่อยากเข้ามารู้จักเรา คนเดียวเราก็เลยไม่ได้ปิดกั้นเหมือนแต่ก่อน

ที่ไม่โฟกัสเรื่องของความรักเพราะว่าเข็ดจากความรักครั้งก่อนหรือเปล่า?

บิ๊ก : ไม่กล้าใช้คำว่าเข็ด ใช้คำว่าประสบการณ์ดีกว่าในการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลามากกว่า ถ้ามีคนที่ใช่เข้ามา มันคงถึงเวลาแต่ตอนนี้ยังไม่มี

อีกเรื่องที่คนโฟกัสก็คือเรื่องของรสนิยม บางทีก็แต่งหญิง เค้าเลยสงสัยว่าเราเปิดกว้างเรื่องรสนิยมแล้วหรือเปล่า?

บิ๊ก : จริงๆ แล้วปัจจุบันนี้ใครเราเองก็รับได้หมด และเปิดกว้างเหมือนกัน ไม่ว่าเพศไหนไหน บางทีเราแต่งหญิงคนก็บอกว่าเราไม่เหมือน แต่พอเราแต่งผู้ชายก็บอกว่าเราเหมือน สรุปจะให้เป็นอะไรก็เป็นไปเลยตามที่คุณคิด เพราะว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครเชื่อเราที่เราสื่อสารเหมือนเดิม

ทำไมถึงชอบแต่งหญิงตลอด?

บิ๊ก : ก็มันแต่งแบบนี้มันเกิดได้ มันมีเรตติ้ง มันมีคนดู บางทีเราแต่งหญิงคนดู 4-5 ล้านคน แต่พอเราแต่งผู้ชายก็เหมือนเดิม

 

สเปคที่ชอบเป็นแบบไหน?

บิ๊ก : จริงๆ ตอนนี้ผมก็ไม่มีสเปคที่ชอบแบบตายตัว แต่ตอนนี้หมายถึงคนที่เข้าใจเรารักเราที่เป็นแบบนี้ ไม่ใช่อย่างที่เค้าให้เราเป็น อยากให้เค้าชอบที่ตัวตนของเรา ย้อนกลับไปดูก่อนมีลูกก็เป็นแบบนี้ หลังมีลูกก็เป็นแบบนี้

กับ “เบสท์ รักษ์วนีย์” คนจิ้นเยอะมาก?

บิ๊ก : จริงๆวันนั้นคือเราไปรับลูกพี่ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” อันนี้คือน้องยูจิน จริงๆเราสนิทกัน รู้จักเขาหนึ่งปีพอรู้จักก็สนิทกันไวมากอาจจะเป็นเพราะถูกชะตาและคุยกันรู้เรื่อง เวลามีอะไร ก็เชียร์กันไปงานวันเกิดกันบ่อยค่อนข้างสนิทสำหรับเพื่อนๆ ระดับในวงการบันเทิง

 

เค้าถือเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดในวงการไหม?

บิ๊ก : ก็สนิทอยู่ ตอนนี้ก็เป็นเพื่อน

อนาคตจะมีเปลี่ยนไหม?

บิ๊ก : ไม่มีใครรู้ว่า ผมไม่กล้าตอบ เรื่องของอนาคตจริงๆผมไม่กล้าพูดอะไรไว้ก่อนน้ำลาย

 

สเปคไหม?

บิ๊ก : จริงๆเค้าก็เป็นคนเก่งนะครับ ทำงานเหมือนเรานางทำงานคือนางตั้งใจหมด ขยันมากรักครอบครัว มากทำงานกันมาตั้งแต่เด็ก คล้ายๆกันเลย คุยกันตลอดเธอเราเหมือนกันนะ

เคยรู้สึกดีกับเบสท์ไหม?

บิ๊ก : คือบอกเขามานี่หน่อย เค้าก็มาทุกงาน ไม่จ้างก็มาก็ประทับใจตรงนี้ ก็โทถามไปไงดราม่าข่าวมีคนด่าเธอเยอะเลยถามตลอด ไม่ได้คุยกันทุกวันแต่ก็คุยกันประจำ มีนู้นให้ไปหาไหม

เค้าน่ารักไหม?

บิ๊ก : เขาน่ารัก

พอคนเชียร์เยอะๆ มันมีสักแว๊บไหม ที่อยากคบ?

บิ๊ก : มันก็ยังไม่กล้าคิดตรงนั้นน่ะ เพราะเราคือเพื่อนกัน เราพูดกันได้ทุกเรื่องเค้ามีอะไรก็พูดเรามีอะไรก็พูด ความรักที่ผ่านมาก็พูดเรื่องความรัก

 

 

บทบาท ความเป็นพ่อของ “น้องนาริตะ-น้องโตเกียว”?

บิ๊ก : น้องนาริตะตอนนี้ 5 ขวบ ถ้าเป็นโตเกียวก็จะ 2 ขวบ

ใครเลี้ยงญาติเลี้ยงง่ายกว่ากันคะ?

บิ๊ก : คือผมแล้วมันเต็มๆ ถ้านาริตะเขาจะร้องไห้กลางคืนบ่อย แต่เลี้ยงไม่ยากกว่ากันเท่าไหร่ ดูเป็นศิลปินเหมือนคุณแม่ชอบร้องชอบอะไร แม่เค้าเป็นหมอลำเค้าก็ชอบเต้นเหมือนแม่เขาด้วย คนเล็กก็จะเงียบ ไม่ค่อยเหมือนเราเค้าจะขี้อายมากกว่า เราไม่สปอลลูกเลย ถ้าเราให้เขาเราต้องบอกว่าให้เค้าทำอันนี้ก่อนได้ไหม แลกเปลี่ยนได้ไหมก็เป็นการฝึกไป

เรื่องของลูกส่วนมากใครเป็นคนตัดสินใจ ?

บิ๊ก : ทั้งสองครับ เพราะเราเป็นการตัดสินใจร่วมกัน มีอะไรเราก็จะปรึกษาก่อน ปัจจุบันเค้าก็จะอยู่กับแม่ เป็นหลัก เสาร์-อาทิตย์ถ้าผมว่างก็จะไปรับถ้าไม่ว่างก็จะวีดีโอคอล แต่ส่วนมากอยู่กับคุณแม่เป็นหลัก

อธิบายให้ลูกฟังยัง เพราะเราแยกกันอยู่?

บิ๊ก : เวลาเด็กที่เค้าอยู่กับเรา เข้าใจอยู่แล้วว่า พ่อแม่แยกกันอยู่เนอะเค้าก็จะมีการแสดงความรู้สึกเขา เรื่องราวแต่ที่เขาพูดได้ แรกๆ เค้าก็จะถามว่าไม่กลับบ้านหรอแต่พอเค้ารู้แล้วเค้าก็ไม่ถามอีก พ่อก็บอกเขาว่ากลับบ้านแล้วอย่าลืมคิดถึงพ่อนะ อธิบายให้เค้าเข้าใจว่าถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ก็คิดถึงเขา

แต่ล่าสุดก็มีดราม่าอีกเรื่องลูกไม่สบายและเข้าโรงพยาบาล?

บิ๊ก : น่าจะบอกว่าเราไม่ไปดูลูกหรือเปล่า แต่มันก็มีดราม่าเยอะอยู่นะครับ ในความคิดของคน เค้าก็จะบอกว่าทำไมลูกอยู่โรงพยาบาลแล้วไม่ไป ตอนนั้นเรารู้ตอนตีสองด้วยซ้ำว่าลูก อยู่โรงพยาบาลแล้วเราก็ไม่ได้อยู่กรุงเทพการเดินทางมันก็ลำบากอยู่ขอนแก่นเดินทาง6- 7 ชั่วโมง บวกเรามีงานทุกวัน แต่พอเราทราบข่าวเราก็โทรหาพี่เลี้ยงทันทีว่าลูกเราเป็นยังไงบ้าง

อยากบอกอะไรกับคนที่ชอบดราม่าเรื่องดูแลลูก?

บิ๊ก :คนเราเป็นพ่อเป็นแม่คนก็รักลูกอยู่แล้ว รักลูกร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้วแต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆการเดินทางหน้าที่ต่างๆแยกย้ายกันไปแล้ว เราดูแลลูกเราเต็มที่ทุกอย่าง เพียงแค่ว่าอาจไม่ตรงตามที่สังคมต้องการเท่าไหร่ แต่ทุกคนมีชีวิตของตัวเอง

เคยเป็นเด็กเสี่ย เสี่ยเคยส่งเสียเลี้ยงดูมาก่อน?

บิ๊ก : อาจจะไม่ได้ใช้คำว่าเสี่ยนะ ให้พูดว่าผู้มีพระคุณจะดีกว่า ตอนนั้นผมอายุ 16-17 ก็มีผู้ใหญ่ใจดีดูคลิปเราแล้วก็เมตตาเราเห็นเราเรียนหนังสือ ก็ส่งเสียเลี้ยงดู ตอนที่อยู่ฟินแลนด์ เค้าดูแลเป็นเรื่องการศึกษาส่งเสียเลี้ยงดู ตอนนั้นเราก็คิดว่าเป็นเอฟซีทั่วไป ซื้อของมาฝากเราเสื้อผ้ามาฝากเรา แต่ไม่เคยมายุ่งกับเรา แค่ซัพพอร์ตเรา ก็ได้จากเขามาหลายล้านอยู่

มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม ?

บิ๊ก : เค้าให้ด้วยความเอ็นดูเราจริงๆ เราไปกับเขา เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเรา ดูแลกันอยู่ 2 ปีกว่า เชาก็ห่างหายกันไป 10 ปีกว่า ตอนเรามีครอบครัวเขาก็ทักมาแสดงความยินดีกับเราด้วย มีโอกาสก็อยากเจอกันอยู่ ไม่ได้เจอกัน 10 กว่าแล้ว ถ้าไม่มีเขาเราก็แย่ด้วย

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow วันและเวลาใหม่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30-12.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ : ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์

https://youtu.be/kkfi7ni_