กมธ.งบฯ ส.ว. จี้แก้ด่วนอายัดบัญชี กระทบประชาชนหาเช้ากินค่ำ
กมธ.งบฯ ส.ว. จี้แก้ด่วนอายัดบัญชี กระทบประชาชนหาเช้ากินค่ำ “ภิญญาพัชญ์” ลั่น ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ด้าน “อลงกต” ขู่เอาผิด จนท.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เตรียมเรียกยกเซตชี้แจงสัปดาห์หน้า
คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา แถลงข่าวแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีการอายัดบัญชีธนาคารของประชาชนจำนวนมากที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขโดยด่วน เนื่องจากสร้างผลกระทบรุนแรงต่อการดำรงชีพและสิทธิขั้นพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประชาชน
โดย น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน ส.ว. ในฐานะรองโฆษก กมธ. ระบุว่า ตนเองตกใจมากเมื่อเห็นข่าวการอายัดบัญชีต่อเนื่องหลายวัน เพราะกระทบโดยตรงต่อการทำมาหากินของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ร้านค้าปลีก และผู้ใช้แรงงานที่ต้องใช้เงินหมุนเวียนทุกวัน แม้เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าเป็นเพียง “การระงับชั่วคราว” 3–7 วัน แต่ช่วงเวลานี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อนหนัก และอาจสูญเสียความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินของประเทศ
ทั้งนี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปถามพ่อค้าแม่ค้าจริง ๆ ว่าเดือดร้อนขนาดไหน บางคนโอนเงินเข้าบัญชีแล้วกลับถูกอายัดทันที ต้องไปตามหาลูกค้าทั่วประเทศเพื่อยืนยัน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สิ่งนี้คือการละเมิดสิทธิ ขั้นพื้นฐานทางเศรษฐกิจชัดเจน พร้อมเสนอแนวทางเร่งด่วน เช่น การปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์โดยเร็ว การเยียวยาความเสียหาย และจัดทำระบบแจ้งเตือนโปร่งใสให้เจ้าของบัญชีทราบสาเหตุทันที
ด้านนายอลงกต วรกี ประธาน กมธ. ชี้ว่า การอายัดบัญชีโดยตำรวจไซเบอร์ แม้อ้างอำนาจตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่เป็นไปตามหลักการทางปกครอง ที่กำหนดให้ต้องแจ้งผู้ถูกสั่งอายัดและเปิดโอกาสชี้แจงก่อน “ไม่ใช่อายัดบัญชีไว้ก่อนแล้วค่อยมาสอบสวนภายหลัง”
พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจะนำเสนอที่ประชุม กมธ.ในบ่ายวันนี้เพื่อขอมติ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงดิจิทัลฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจไซเบอร์ และธนาคารแห่งประเทศไทย มาชี้แจงภายในสัปดาห์หน้า หากไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน กมธ.พร้อมส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบด้วย
ขณะเดียวกัน กมธ.ยังเปิดเผยตัวอย่างกรณีในจังหวัดนครพนม ที่ผู้ประกอบการจำนวนมากถูกอายัดบัญชีจนต้องเดินทางไปหลายจังหวัดเพื่อยื่นหลักฐานปลดล็อก สร้างความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท โดยปัญหาดังกล่าวไม่เพียงทำให้ประชาชนเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลต่อเครดิต ความน่าเชื่อถือ และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม
คณะกรรมาธิการฯ ย้ำว่า ประชาชนไม่ควรถูกมองว่าได้รับ “ความกรุณา” จากรัฐในการแก้ไข แต่ควรได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างแท้จริง เพราะเป็นผลจากการดำเนินงานที่ผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐ หากปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ จะกระทบทั้งความเชื่อมั่นในระบบการเงินและความไว้วางใจต่อภาครัฐโดยตรง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





