“ราชทัณฑ์” แจงยังไม่ปรับสถานะ “ทักษิณ” ยันอภัยโทษเป็นสิทธิทั่วไป
กรมราชทัณฑ์ ชี้ข้อเรียกร้อง คปท. ต้องรอฝ่ายกฎหมายพิจารณา ย้ำ “ทักษิณ” ไม่เข้าข่ายคุมขังนอกเรือนจำ ยืนยันการปรับพื้นที่คลองเปรม-รพ.ราชทัณฑ์ เป็นเพียงการจัดการตามความจำเป็น ไม่ได้เอื้อประโยชน์เฉพาะราย
วันนี้(12 ก.ย. 68) พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีข้อเรียกร้องของกลุ่ม คปท. ที่ต้องการให้ปรับสถานะนักโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ไปอยู่สถานะนักโทษชั้นเลว ว่า ทางกรมราชทัณฑ์เพิ่งได้รับหนังสือดังกล่าวและจะต้องเสนอไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่าจะให้ฝ่ายกฎหมายดูรายละเอียดก่อนพร้อมกับได้ยกตัวอย่าง กรณีของ “แป้ง นาโหนด” ที่หลบหนีออกจากโรงพยาบาล เมื่อจับกุมได้ ทางเรือนจำก็ปรับให้เป็นนักโทษชั้นที่ต่ำกว่าชั้นกลาง
แต่กรณีของนายทักษิณ ไม่ได้หนีไปแบบนั้นและการที่ไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจก็เป็นการจำคุกและตอนพักการลงโทษก็ใส่กำไล EM ซึ่งไม่ได้เป็นการหนี ส่วนจะตีความถึงชั้นนักโทษอย่างไรนั้นต้องรอการพิจารณาก่อน
ส่วนที่ทางกลุ่ม คปท. ตีความว่าคำสั่งของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีคำสั่งให้นายทักษิณกลับมารับโทษโดยไม่นับการอยู่ ที่โรงพยาบาลตํารวจเป็นการลดวันคุมขังนั้น ประเด็นนี้ขอไปพิจารณาเพราะเป็นความเห็นของกลุ่ม คปท.ที่เพิ่งจะส่งมาวันนี้
สําหรับประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้พิจารณาถึงระเบียบการคุมขังนักโทษนอกเรือนจำ ให้มีรูปแบบที่ชัดเจน พ.ต.ท.เชน ระบุว่า ประเด็นนี้ทางจะรับพิจารณาอย่างแน่นอน เพราะตามข่าวแล้วทาง ป.ป.ช. จะมีการเสนอไปยัง ครม. แต่รายละเอียดยังไม่ปรากฎออกมา แต่ตามจริงแล้วยังไม่สามารถทำได้ เพราะยังไม่มีกำไลEM ที่เป็นของกรมราชทัณฑ์
ซึ่งหากจะมีการคุมขังนักโทษนอกเรือนจำจะต้องใส่กำไล EM เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ติดตาม แต่ตอนนี้ทางยังอยู่ระหว่างการของบประมาณซึ่งยังไม่ใช่ในปี 2569
เมื่อถามว่านายทักษิณจะเข้าข่ายคุมขังนอกเรือนจำหรือไม่ พ.ต.ท.เชน ยืนยันว่า ยังไม่ใช้กับนายทักษิณอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการพักการลงโทษก็มีในกฎกระทรวงรองรับและมีหลักการคือต้องโทษ 2 ใน 3 แต่ถ้าอายุเกิน 70 มีอาการเจ็บป่วย อยู่ 1 ใน 3 ก็พักการลงโทษได้ ซึ่งใช้มากับนักโทษหลายคนมานานแล้ว
สําหรับเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ นักโทษทุกคนที่เข้าเกรณฑ์สามารถใช่ได้หมดเพราะเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล
ส่วนกรณีที่นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ให้รัฐมนตรีว่าการหระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงให้ชัดเจน กรณีการปรับพื้นที่เขตเรือนจำกลางคลองเปรมเพิ่มใหม่เข้าไปในพื้นที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันที่ 5 ก.ย. 2568 นั้น พันตำรวจโท เชน ชี้แจงว่า เดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เรือนจำกลางคลองเปรม แต่ช่วงโควิด ได้มีการปรับให้ไปเป็นพื้นที่ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะคนไข้ล้น พอหมดสถานการณ์โควิด ก็ปรับกลับมาให้เป็นพื้นที่ของเรือนจำกลางคลองเปรม เดิมที่เป็นเจ้าของพื้นที่
โดยยืนยันว่า ไม่ได้ปรับพื้นที่เพื่อเอื้ออำนวยให้กับนายทักษิณ “เหมือนเราเป็นเจ้าของบ้าน มีที่บ้านของเรา และมีความจำเป็นก็ปรับกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา พอหมดความจำเป็นก็ปรับกลับมา ไม่ได้มีอะไรเลย ซึ่งโดยพื้นที่ของเรือนจำกลางกลางเปรม ที่ปรับไปให้พื้นที่กับโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีทั้งหมด 6ไร่ เพื่อให้สอดรับกับการดูแลในสถานการณ์โควิด แต่ไม่ว่าพื้นที่ตรงไหนที่ปรับก็เป็นของเรือนจำ และโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็คือเรือนจำทั้งหมด”
ขณะที่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เปิดเผยย้ำว่า ตนเองจะเดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณ ในช่วงเช้าวันจันทร์ ที่15 ก.ย. และตนเองยังไม่ได้รับแจ้งว่าครอบครัวของนายทักษิณจะไปด้วยหรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





