Home
|
ข่าว

“ช้างศึก” ต้านไม่ไหวพ่าย “อิรัก” 9 ตัว 1-0 ชวดแชมป์คิงส์ คัพ

Featured Image
“ช้างศึก” ทีมชาติไทย ป้องกันแชมป์ไม่สำเร็จ พ่ายให้กับ อิรัก ไปแบบสนุก 0-1  แม้อิรักจะโดนไล่ออกไป 2 คนแต่ช้างศึกเอาคืนไม่ได้ ได้แค่รองแชมป์ถ้่วยคิงส์ คัพ

 

วันที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 20.00 น. ณ สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว) การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 รอบชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทย อันดับ 102 ของโลก ลงสนามพบกับ อิรัก ทีมอันดับ 58 ของโลก

 

โดยรอบรองชนะเลิศ ไทย เอาชนะ ฟิจิ 3-0 ส่วน อิรัก เฉือนชนะ ฮ่องกง 2-1 เกมนี้ “มาซาทาดะ อิชิอิ” หัวหน้าผู้ฝึกสอน ส่ง เบนจามิน เดวิส, ปรเมศย์ อาจวิไล, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย สามนักเตะที่ทำประตูได้ในเกมที่แล้วลงสนามต่อเนื่อง ประสานงานกับ สุภโชค สารชาติ และ ศุภชัย ใจเด็ด ที่ยืนเป็นหน้าเป้า

 

 

เริ่มเกมนาทีที่ 26 ไทย มีโอกาสลุ้นยิงประตูขึ้นนำ สุภโชค สารชาติ จ่ายบอลทะลุช่องมาให้ ศุภชัย ใจเด็ด ได้หลุดเข้ากรอบเขตโทษก่อนยิงด้วยซ้ายบอลพุ่งเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย

 

ต่อมานาทีที่ 41 ไทย ได้จังหวะหลุดยิงประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ และเป็น ปรเมศย์ อาจวิไล ได้ยิงด้วยขวาข้ามคานออกไป

 

หลังจากนั้นทั้งสองทีมพยายามครองบอลเพื่อหาโอกาสเข้าทำประตู แต่ยังไม่มีทีมใดสามารถทำสกอร์แรกของเกมนี้ได้ ทำให้จบครึ่งแรก ไทย ยังคงเสมอกับ อิรัก 0-0

 

ครึ่งหลัง ไทย เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนแรก ส่ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลงสนามมาแทน ปรเมศย์ อาจวิไล

 

ถัดมานาทีที่ 54 ไทย มีจังหวะได้ลุ้นยิงประตูขึ้นนำ จากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ เบนจามิน เดวิส ได้ยิงด้วยขวาบอลพุ่งไปตรงตัวผู้รักษาประตูอิรัก รับเอาไว้ได้

 

นาทีที่ 61 ไทย เปลี่ยนผู้เล่นคนที่สอง ส่ง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ลงมาเล่นแทน ธีรศักดิ์ เผยพิมาย

 

จากนั้นนาทีที่ 67 ไทย ได้โอกาสลุ้นทำสกอร์แรกของเกมนี้ สุภโชค สารชาติ ยิงด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษบอลไปติดเซฟผู้รักษาประตูอิรัก มาเข้าทาง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ตามซ้ำเข้าไป ก่อนที่ผู้ตัดสินจะได้รับสัญญาณจากห้องวีเออาร์ว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า ทำให้ไทยไม่ได้ประตู

 

ก่อนที่นาที 75 อิรัก มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อิบราฮิม บาเยช เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ากรอบเขตโทษมาถึง โมฮานัด อาลี ขึ้นโหม่งบอลเข้าประตูไป

 

จากนั้นนาทีที่ 76 อิรัก มาเหลือผู้เล่น 10 คน จากจังหวะที่ ฟรานส์ ปูโตรส ไปทำฟาวล์ สุภโชค สารชาติ ผู้ตัดสินให้ใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

 

ต่อมานาทีที่ 90+4 ไทย มีโอกาสลุ้นทำประตูตีเสมอ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษก่อนที่ผู้เล่นอิรักจะสกัดบอลไม่ดี มาเข้าทาง ศุภชัย ใจเด็ด ได้วอลเลย์ด้วยขวาข้ามคานออกไปนิดเดียว

 

 

นาที 90+5 อิรักเหลือผู้เล่นสิบคน หลัง โมฮานัด อาลี ไปเข้าสกัดใส่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ แบบไม่มีน้ำใจนักกีฬา ทำให้อิรัก เหลือผู้เล่นแค่ 9 คน

 

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ทีมชาติไทย พ่าย อิรัก 0-1 จบด้วยการเป็นรองแชมป์คิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 พร้อมได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท ขณะที่ อิรัก คว้าแชมป์คิงส์คัพได้เป็นสมัยที่สอง หลังเคยได้เมื่อปี 2023 พร้อมรับเงินรางวัล 2 ล้านบาท

 

โปรแกรมนัดต่อไป ของ ทีมชาติไทย คือการทำศึกเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 3 และนัดที่ 4 ในช่วงฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคม พบกับ ไชนีส ไทเป แบบไป-กลับ ในวันที่ 9 และ 14 ตุลาคม 2568 โดยจะมีการแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง

 

 

รายชื่อ 11 ตัวจริง

ปฏิวัติ คำไหม (GK), ณัฐพงษ์ สายริยา, สุพรรณ ทองสงค์, สุภโชค สารชาติ, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี (C), ศุภชัย ใจเด็ด, เบนจามิน เดวิส, ปรเมศย์ อาจวิไล, นิโคลัส มิคเกลสัน, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, ศุภนันท์ บุรีรัตน์

 

 

 

มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ฟุตบอลชายทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 รอบชิงชนะเลิศ

 

 

“เราไม่สามารถคว้าแชมป์คิงส์ คัพ ในครั้งนี้มาครอง นี่คือข้อความที่ผมต้องการจะสื่อสาร ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแฟนบอลทุกท่านที่เดินทางมาชมมาเชียร์พวกเราในทั้งสองเกมที่ผ่านมา ครึ่งแรกเราก็เล่นเกมรับเยอะเกินไป ส่วนครึ่งหลังเราทำได้ดีขึ้นจากการแก้ไขในช่วงพักครึ่ง ผมมองว่าเราทำผลงานในครึ่งหลังได้ดีกว่าครึ่งแรก” อิชิอิ กล่าว

 

 

“จากการที่ครั้งนี้เรามีเวลาซ้อมทั้งหมด 1 สัปดาห์ ถ้าเราได้เก็บตัวอย่างต่อเนื่อง ก็คิดว่ามีโอกาสที่นักเตะไทยไปต่อในฟุตบอลโลก ในรอบคัดเลือกครั้งต่อไป ถ้ามองถึงผลการแข่งขัน อาจจะไมได้ผลลัพธ์ตามที่เราคาดหวังเอาไว้ แต่รายละเอียดของเกมนักเตะทุกคนทำงานหนัก เพื่อเอาชนะในเกมนี้ สิ่งที่ทุกคนเห็นในวันนี้ ทั้งที่สนาม และหน้าจอทีวี น่าจะเห็น ความมุ่งมั่นตั้งใจของนักเตะทุกคนในวันนี้”

 

 

“ไม่ใช่ว่าสตาฟหรือนักฟุตบอลเพียงแค่กลุ่มเดียวที่มีความมุ่งมั่นที่จะได้เห็นทีมไปได้ไกลในฟุตบอลโลก แต่รวมถึงสื่อมวลชนและแฟนบอล ถ้าเราร่วมด้วยช่วยกัน ผมคิดว่าเราสามารถไปถึงจุดนั้นได้ ก็อยากจะขอความร่วมมือตรงนี้ครับ หลายครั้งที่ผ่านมา ผมอาจจะไม่ได้สื่อสารอะไรมากมายต่อหน้าสื่อ ก็จะพยายามสื่อสารตรงนี้ให้มากที่สุด ขอบคุณทางกาญจนบุรี โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ทำให้ทัวร์นาเมนต์นี้เกิดขึ้น”

 

 

“(การวางแผน 11 ตัวจริงในเกมกับอิรัก?) แน่นอนว่า เป้าหมายของเราในการมาแช่งขันคิงส์ คัพ ครั้งนี้ก็คือการคว้าแชมป์ แต่ก็ต้องมองถึงเกมต่อไป ทีเราจะต้องไปเจอกับ ไชนีส ไทเป ในเอเชียน คัพ รอบคัดเลือก ในเดือนหน้า”

 

 

“(การแก้ไขปัญหาเกมรับลูกกลางอากาศ และ การจบสกอร์?) แน่นอนว่าเวลาเราเจอกับทัวร์นาเมนต์นานาชาติ และต้องเจอกับทีมที่อันดับฟีฟ่า แรงกิ้ง ดีกว่า ครึ่งแรก ผมคิดว่าเราป้องกันลูกกลางอากาศได้ดีอยู่ ส่วนครึ่งหลัง เวลาเราเจอทีมที่เหนือกว่าเรา ช่วงเสี้ยววินาที ที่เราผิดพลาดเราก็สามารถเสียประตูได้เลย ส่วนเกมรุก เมื่อวานทางสื่อก็ได้สอบถามว่าทีมชาติจำเป็นต้องมีโค้ชกองหน้าหรือไม่ ผมก็ตอบไปแล้วว่า ช่วงทีมชาติเรามีเวลารวมตัวกันน้อย สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ก็คือเวลาที่นักเตะเล่นในนามสโมสร ถ้าต้องการปรับปรุงที่สโมสรจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะทีมชาติจะมีเวลารวมกันแค่ 7-9 วันเท่านั้น เราเองก็พยายามฝึกซ้อมเรื่องการจบสกอร์ด้วยเช่นกัน และผมมองว่าพอเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว เราจะมาซ้อมเรื่องการจบสกอร์ ในเรื่องเบื้องต้นอีก เพราะเราต้องซ้อมกันมาตั้งแต่เด็กๆ ในอคาเดมี ที่ต้องต่อเนื่องถึงจะส่งผลอนาคต โค้ชที่คอยดูแลก็มีส่วน ต้องสามารถสอนนักเตะได้ด้วย เรื่องนี้เป็นปัญหามาตั้งแต่บอลสโมสรหรือบอลเด็ก และมาถึงทีมชาติ”

 

 

“(จังหวะใบแดงที่ 2 ของอิรัก?) ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าฟุตบอลระดับนี้จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก จังหวะสกัดลูกนี้มันเลวร้าย และไร้คลาสมาก และรุนแรงเกินไป และนักฟุตบอลอาชีพก็ไม่สมควรจะทำแบบนี้”

 

 

“(ปัญหาที่คิดว่าต้องแก้เป็นการเร่งด่วน?) ตัวผมเองเรื่องการซ้อมหรือการจับคู่ในการดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของนักเตะทุกคนออกมาให้ได้มากที่สุด ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากปัจจัยอื่นๆ ตัวผมเหมือนเป็นแค่เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายปัจจัย ยกตัวอย่างในไทยลีก ตอนนี้ ที่เปิดโควตาต่างชาติจำนวนเยอะมาก และทำให้นักเตะไทยในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า และ เซ็นเตอร์แบ็ค ก็จะไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการลงสนามมากเท่าที่ควร”

 

 

“ผมรู้สึกถึงความกดดันทุกเกม ไม่ใช่แค่เกมต่อไป เพราะตั้งแต่มาคุมทีมชาติ เวลากับทีมชาติค่อนข้างน้อย ก็มีความกดดันในทุกเกม”

 

 

โปรแกรมนัดต่อไป ของ ทีมชาติไทย คือการทำศึกเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 3 และนัดที่ 4 ในช่วงฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคม พบกับ ไชนีส ไทเป แบบไป-กลับ ในวันที่ 9 และ 14 ตุลาคม 2568 โดยจะมีการแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube