Home
|
บันเทิงไทย

สรุปดราม่า! “ครูเต้ย VS ขนม” ประเด็นเดือดเรื่องการเลี้ยงดูลูก

Featured Image
สรุปดราม่า! “ครูเต้ย อภิวัฒน์ VS ขนม ศศิกานต์” ระอุอีกครั้ง จากการเข้าใจผิดเรื่องทำร้ายร่างกาย สู่ประเด็นเดือดเรื่องการเลี้ยงดูลูก

 

เรียกได้ว่ากลับมาเป็นกระแสอีกครั้งสำหรับนักร้องลูกทุ่งเสียงดี “ครูเต้ย อภิวัฒน์” และอดีตภรรยา “ขนม ศศิกานต์” ที่ถึงแม้จะจบกันแบบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นักแล้วแต่ก็ยังทำหน้าที่พ่อแม่อยู่ ซึ่งเกิดเป็นอีกดราม่าขึ้นมาเมื่อ “ภูผา” เพื่อนสนิทของ “ขนม” ได้โพสต์ข้อความว่า “ทำไมต้องเป็นวันนี้ ถ้าเป็นรอบนี้หนูคงไม่เงียบแล้วนะ หนูจะพูดทุกอย่างเลย

 

อีกทั้งยังได้แชร์โพสต์จากเพจท่านเปาที่มีรูปภาพแขนของผู้หญิงพร้อมระบุข้อความไว้ว่า “ดราม่าเดือด…นักร้องลูกทุ่งหน้าหล่อทำร้ายร่างกายอดีตภรรยา” และ “ภูผา” ได้เขียนข้อความเพิ่มเติมว่า “ห้ามบิดเบือนความจริงนะ”

 

 

งานนี้ชาวเน็ตหลายคนจึงเกิดความเข้าใจผิดและ  พุ่งเป้าไปที่ “ครูเต้ย” ซึ่ง “ครูเต้ย” ได้ออกมาโต้ประเด็นนี้ทันทีโดยการแชร์โพสต์ดังกล่าวของเพจท่านเปาพร้อมเขียนอธิบายว่า “แอดจะลงข่าวทักมาถามต้วยก่อนก็ได้ ผมบ่ได้มีเรื่องกับแม่ของลูก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผู้หญิงเลย เราเข้าไปห้ามน้องจะจกตากัน เหอะคนนี่เนาะ”

 

ต่อมาท้างด้านเพจท่านเปาจึงได้แก้ไขโพสต์ต้นเรื่องว่า “แก้ไขเคสนี้เป็นการเข้าไปห้ามเค้ามีเรื่องกันไม่เกี่ยวกับผู้หญิง…”

 

ขณะเดียวกัน “ขนม” ก็ได้ออกมาชี้แจงในฝั่งของตนว่า “ไม่ได้โดนตี ไม่ได้บอกสักคำว่าโดน สิ่งที่บอกคือ“ เข้าไปห้ามแล้วโดนลูกหลง” ตั้งสติก่อนสตาร์ท”

 

 

 

ทางด้าน “ครูเต้ย” จึงโพสต์ต่อว่า “ห่าขั่วเอ้ย ขึ้นเครื่องบินแปปเดียว ว่าข่อยตีแม่ของลูกเสย”

 

และ “ลงเยอะๆเลยฟ้องหมดครับไม่ต้องห่วง สร้างข่าวทำผมเสียหาย”

 

 

ทางด้าน “ทนายโนบิตะ” ทนายความของ “ครูเต้ย” ก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า “เรื่องครูเต้ยทำร้ายร่างกายอดีตภรรยาไม่เป็นความจริงนะครับ รายละเอียดรอครูเต้ยไลฟ์ชี้แจ้ง ส่วนคนไหนที่ปล่อยข่าว ให้คนอื่นเข้าใจผิดก็เดียวพบกันในศาล” ทั้งยังออกมาโพสต์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “กองเชียร์ 2 ฝ่าย จะจกตากัน พระเอก กับนางเอกไปห้าม ก็เลยได้แผล จบข่าว”

พร้อมทิ้งท้ายท้าทายว่า “ถ้ามีคลิปเปิดได้เลยนะครับ ใครผิดใครถูกก็ดำเนินคดีไป ตามกฎหมายครับ”

 

 

ต่อมาดูเหมือนว่าเรื่องจะยังไม่จบเมื่อ “ครูเต้ย” ได้โพสต์ภาพสตอรี่ของคนหนึ่งที่เป็นรูปแขนของผู้หญิงที่โดนทำร้าย พ้อตัดพ้อว่า “ลงแบบนี้เจตนาคืออะไรน๊าาา ใครคือต้นโพสต์น้อ ที่ทำให้คนเข้าใจผิดว่าต้วยตีแม่ของลูกหนิ ใจร้ายจัง”

ทางด้าน “ขนม” ก็ได้โพสต์ข้อความอีกว่า “This is your last throw of the dice (นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายของคุณที่จะเสี่ยง)”

 

และได้คอมเมนต์ใต้โพสต์นี้อีกด้วยว่า “ไม่ได้ใจร้ายนะคะ แต่รอบนี้แค่ใช้ความเป็นขนม ตัดสินใจ ไม่ได้ใช้ความเป็นแม่แล้ว”

 

 

ซึ่ง “ขนม” ยังคงโพสต์ต่ออีกว่า “คำถาม : จะพาไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ขอหารค่าตั๋วของลูกหน่อยนะ (จริงๆจ่ายค่าตั๋วไปครบแล้วแค่อยากฟังคำตอบ)

– เงียบ

คำถาม : เซ็นยินยอมให้หน่อยนะ จะพาลูกไปเที่ยว ถ้าเกิดต้องเซ็น

– ให้จดรับรองบุตรก่อน สิจะเซ็นให้

คำถาม : ของขวัญวันเกิดลูกหล่ะ

– ลูกยังเล็กยังใช้ไม่เป็นหรอก

อรืมมมมส์” และได้คอมเมนต์ว่า “คำถามที่สองก็รู้อยู่นะคะ แค่อยากฟังคำตอบเฉยๆเหมือนกันค่ะ”

 

 

ทางด้าน “ครูเต้ย” จึงออกมาชี้แจงอธิบายถึงเรื่องนี้ทันทีว่า “ผมขอชี้แจงเรื่องการเลี้ยงดูบุตรให้ทุกคนเข้าใจตรงกันนะครับ

– ประเด็นแรก ความขัดแย้งของผู้ใหญ่ควรเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการกัน ไม่ควรนำบุตรมาเกี่ยวข้องหรือถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้ง เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการเติบโตอย่างมีคุณภาพและความสุขของบุตร

เรื่องบางอย่างที่เป็นเรื่องภายในครอบครัวหรือเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม ผมเชื่อว่าควรเป็นการพูดคุยกันภายใน มากกว่าถูกนำออกไปเผยแพร่ต่อสังคม เพราะเมื่อเรื่องเหล่านี้ถูกเปิดเผย สิ่งที่กระทบมากที่สุดคือความรู้สึกและอนาคตของลูก ในขณะที่บอกว่าห่วงใยความรู้สึกของเด็ก ซึ่งผมเข้าใจความรู้สึกนี้และก็มองเห็นในจุดนั้น แต่ผมอยากให้คิดให้ลึกกว่านี้ ว่าการกระทำแบบนั้นจะกระทบอนาคตของลูกอย่างไร หากเรารักและห่วงใยลูกจริง สิ่งที่ควรทำคือการปกป้อง ไม่ใช่ทำให้เด็กต้องรับภาระทางใจจากสื่อโซเชียล

– ประเด็นที่สอง เรื่องค่าใช้จ่ายรายเดือน ที่ผ่านมาผมโอนค่าใช้จ่ายเพื่อเลี้ยงดูบุตรอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ หากมีบางช่วงล่าช้า ก็เพราะยังไม่ได้รับเอกสารเบิก ไม่ใช่เพราะไม่เต็มใจหรือหลีกเลี่ยง (ทุกอย่างมีเหตุผลครับ เพียงแค่ไม่อยากออกไปพูดเพราะไม่อยากให้อะไรเสียหายไปมากกว่านี้)

– ประเด็นที่สาม เรื่องสิทธิ์ของบิดา ผมได้สอบถามและขอเรื่องไปจดรับรองบุตรหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ แม้ผมต้องทำงานเดินทางหลายจังหวัด และไม่สามารถอยู่ดูแลลูกได้ตลอดเวลา แต่ผมพยายามกลับไปหาลูกเสมอ และในด้านค่าใช้จ่ายหรือสิ่งที่ลูกจำเป็นต้องใช้ ผมไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยตั้งแต่ตอนเป็นครอบครัวมา การไม่อนุญาตให้บิดามีสิทธิ์ในตัวบุตร ทั้งที่ผมปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของตนมาโดยตลอดไม่เพียงไม่ยุติธรรมต่อบิดา แต่ยังอาจกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของบุตรในการมีพ่ออยู่ในชีวิต

สุดท้ายแล้ว เมื่อเราไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ ผมเห็นว่าควรปล่อยให้ศาลเป็นผู้พิจารณา เพื่อให้ได้คำสั่งที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูก

ที่ผ่านมาผมอาจติดตลกไปบ้างคนเลยมองว่าผมติดเล่นแต่ถ้าหากเป็นเรื่องลูก เจตนาของผมในฐานะพ่อ สิ่งที่ผมทำทั้งหมดไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อให้ลูกเติบโตโดยไม่ถูกดึงเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งใดๆ จริงๆแล้วผมไม่อยากนำเรื่องครอบครัวออกมาสู่สังคมเลย แต่เมื่อถูกพูดถึงในที่สาธารณะ ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง จากนี้ไปผมขอให้เป็นหน้าที่ของศาลในการตัดสิน เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายครับ

หากในอนาคตลูกทั้งสองมาเห็นข้อความนี้ อยากจะบอกหนูทั้งคู่ว่า พ่อรักหนูมากๆนะครับลูก หนูทั้งคู่คือดวงใจของพ่อ พ่อจะทำทุกวิธีทางอย่างถูกต้องเพื่อให้เราได้เจอกันนะครับ รอพ่อหน่อยนะลูก”

 

 

 

ซึ่ง “ครูเต้ย” ได้แสดงความคิดเห็นใต้โพสต์นี้ด้วยว่า “ส่วนคนที่ถามเรื่องเมื่อวานรอเจ้าตัวเขาออกมาพูดดีกว่านะครับ ทุกอย่างมีหลักฐานครับ”

 

“ฝากเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ เคยคุยกันแล้วว่าอยากเบิกทุกวันผมก็ไม่ติดนะครับ เผื่อมีเรื่องฉุกเฉินอันไหนที่เกี่ยวกับเรื่องลูกผมก็บอกให้ทักมาได้ตลอด เพราะตอนเป็นครอบครัว ก็มีเบิกก่อนส่งบิลอยู่แล้วครับ ผมไม่เคยติดและดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างในครอบครัวครบถ้วนมาโดยตลอดครับ”

 

“มีคนถามว่าถ้ารักลูกทำไมต้องใช้บิล หลงประเด็นหรือเปล่าครับ กับลูกจะใช้จะเอาเท่าไหร่ก็ได้ ไม่เคยหวง ผมบอกเสมอเพราะต้องการให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดครับ แต่ที่อยากให้เป็นบิลมาก็เพราะอยากรู้ว่าลูกผมได้รับอะไรบ้าง ซึ่งมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวที่เราตกลงกันแล้วด้วย”

 

 

 

“มีคนถามทำไมถึงต้องทำบิล ในตอนที่เป็นครอบครัวฝั่งเขาเป็นคนเสนอเองครับว่าจะทำบิลเบิกเขาจะสำรองก่อนเพราะผมต้องไปทำงานไม่ได้อยู่กับลูกตลอดครับ ขอบคุณในส่วนนี้ด้วยครับ แต่หากมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินทุกอย่างก็ส่งเบิกกันก่อนตลอดอยู่แล้วครับ ไม่เคยมีปัญหากัน”

 

“สรุปเรื่องบิลครับ แค่ส่งมาผมก็จ่ายทุกบาทครับ เลิกสงสัยได้แล้วครับ มันเป็นข้อตกลงของเราครับ”

 

“เรื่องเซ็นรับรองบุตรที่หลายคนถามว่าทำไมไม่ไปจดตั้งแต่แรก ตอนแรกเราเข้าใจว่าเอกสารที่ทางโรงบาลเอามาให้เซ็นวันคลอดคือเอกสารเซ็นรับรองบุตร และผมก็ได้ย้ายลูกเข้าทะเบียนบ้านแล้วด้วย ตอนนั้นไม่รู้จริงๆเลยคิดว่าเพียงแค่นี้ก็รับรองความเป็นพ่อแล้ว จะว่าโง่ก็ได้ครับ ก็คนพึ่งเคยเป็นพ่อ ตอนนั้นพอรู้ว่าไม่ใช่ถึงได้ดำเนินการจะทำเรื่องเซ็นครับ ไม่ได้เพิกเฉย”

 

 

ล่าสุด (5 กันยายน 2568) “ขนม” ได้ออกมาโพสต์เพิ่มเติมว่า “แล้วพอเป็นแบบนี้ ใครทุกข์ใจด้วย ใครร่วมแก้ปัญหา เอฟซีที่ไม่เคยปรามกัน หรือ กัลยาณมิตรที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจยับยั้งอารมณ์ หรือตัวเอง ที่ไม่รู้จักห้ามใครเลย แม้แต่กระทั่งตัวเอง” และคอมเมนต์ใต้โพสต์ว่า “ไม่ต้องกลัวใจนะคะ รอบนี้ไม่ใช่แม่ รอบนี้เป็นขนม100%”

 

งานนี้จากแค่ประเด็นที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายก็ลามมาถึงเรื่องการเลี้ยงดูลูกซะได้ ทั้งสองฝ่ายโพสต์โต้กันไปมาอย่างดุเดือดคนชาวเน็ตรอใส่ใจแบบแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน บทสรุปดราม่านี้จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามต่อไป

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube