Home
|
ข่าว

ส.อ.ท. เตือนเศรษฐกิจไทย เผชิญความเสี่ยง

Featured Image
ส.อ.ท. เตือนเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยง เสถียรภาพทางการเมืองเปลี่ยนแปลง หลังนายกฯ พ้นตำแหน่ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน แนะ รัฐ-เอกชน ต้องร่วมมือฟื้นความเชื่อมั่น

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง เป็นความจริงที่เราต้องยอมรับว่า เสถียรภาพทางการเมืองเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และกระทบต่อการวางแผนนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว

 

โดยการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอาจทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568 ซึ่งรวมถึงโครงการลงทุนต่างๆ ชะงักลงได้ แต่เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสฟื้นตัว หากภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันวางมาตรการรองรับได้ทันการณ์

 

โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังยังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยง เช่น ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้า โดยในเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 10,907.53 ล้านบาท ลดลง 32.29% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2568 และลดลง 23.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

การปรับอัตราภาษีส่งออกและเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มส่งผลต่อการส่งออกสินค้าหลัก เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งการแข่งขันระหว่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ GDP ไทยครึ่งปีหลังเติบโตต่ำกว่าที่เคยคาดไว้

 

“หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายสำคัญ เช่น การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ การแก้ไขปัญหาชายแดน การจัดการอุทกภัย และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการที่ต้องการรัฐบาล ที่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจ ซึ่งในช่วงเวลาที่เสถียรภาพทางการเมืองยังไม่แน่นอนเช่นนี้ ภาครัฐต้องสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนและประชาชน เพิ่มงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาทักษะแรงงาน และสนับสนุนการเข้าถึงเงินทุนสำหรับ SMEs รวมทั้งทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อวางแผนการดำเนินงานในระยะกลางและระยะยาว” นายเกรียงไกร กล่าว

 

ทั้งนี้ ภาคเอกชนต้องปรับตัวเชิงรุก เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อลดต้นทุนและแข่งขันในตลาดโลก พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดโลก เช่น สินค้าเทคโนโลยีและบริการดิจิทัล หันมาลงทุนในนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ และระบบบริหารความเสี่ยง เพื่อรักษาความสามารถแข่งขันของไทยในตลาดโลก รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างธุรกิจต่างสาขา เพื่อเพิ่มโอกาสลงทุนและการเข้าถึงตลาด

 

“ความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในสถานการณ์เช่นนี้ ถือเป็นกุญแจสำคัญ หากเราวางแผนและดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่อง แม้การเมืองไม่มั่นคง แต่เศรษฐกิจไทยจะยังคงสามารถฟื้นตัว สร้างโอกาสการเติบโต และรักษาความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนได้” นายเกรียงไกร กล่าวทิ้งท้าย

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube