“มาริษ” ลุยเจนีวา ยื่นหลักฐานกัมพูชาละเมิดออตตาวา
“มาริษ” ลุยเจนีวา ยื่นหลักฐานกัมพูชาละเมิดออตตาวา ชาติภาคีเสียใจทหารไทยเจ็บ ขณะแจง UN ย้ำไทยทำตามกติกาสากล ชี้ เขมรโจมตีผ่านโซเชียล-ละเมิดสิทธิมนุษยชน
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้ายื่นหลักฐานต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และหารือกับผู้แทนจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประธานการประชุม รวมถึงสำนักงานกิจการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ (UNODA) เกี่ยวกับกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง ด้วยการวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนไทย ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
รัฐมนตรีต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมซึ่งมีผู้แทนกว่า 14 ประเทศ รวมถึงชาติผู้บริจาคงบประมาณด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา ต่างรับฟังและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ล่าสุดที่ทหารไทย เหยียบทุ่นระเบิดจนบาดเจ็บ พร้อมชื่นชมท่าทีของไทยที่แม้จะเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ยังตอบโต้ในกรอบที่เหมาะสมตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมุ่งจำกัดการสูญเสียให้น้อยที่สุด
ประเทศภาคีอย่างนอร์เวย์ เยอรมนี เบลเยียม และเปรู ต่างยืนยันสนับสนุนไทย พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชาออกมาชี้แจงต่อการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษย้ำว่าหลักฐานที่ไทยยื่นเป็นเชิงประจักษ์ และพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเป็นน้ำหนักสำคัญต่อการพิจารณาในเวทีสหประชาชาติ
ทั้งนี้ ในวันนี้ (28 ส.ค.) นายมาริษ มีกำหนดเข้าพบประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อหารือต่อเนื่อง ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
ขณะเดียวกัน นายมาริษ เปิดเผยด้วยว่า ได้เข้าพบหารือกับ นางนาดา อัล-นาชิฟ รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยได้แสดงข้อมูลและหลักฐานเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา
นายมาริษ ระบุว่า ได้อธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ เห็นว่าไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศมาโดยตลอด พร้อมยกตัวอย่างการจัดการปัญหาทางพรมแดน ที่แม้จะถูกกัมพูชารุกล้ำ และโจมตีด้วยอาวุธ แต่ไทยเลือกใช้มาตรการจำกัดวง และเน้นการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี รวมถึงการผลักดันให้มีการเจรจาทวิภาคีตามข้อตกลง MOU43
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังหยิบยกกรณี สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เผยแพร่คลิปเสียงการสนทนากับนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม พร้อมทั้งชี้แจงว่า กัมพูชามีการใช้ “สงครามข่าวสาร” ผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งการบิดเบือนประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการดึงแรงงานกัมพูชากลับประเทศโดยไร้ระบบรองรับ
รองข้าหลวงใหญ่ฯ รับฟังข้อชี้แจงอย่างเป็นกันเอง และแสดงความเข้าใจท่าทีของไทย พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาอย่างสันติ และไม่สนับสนุนการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือนำมาเป็นเครื่องมือโจมตี
นายมาริษ กล่าวทิ้งท้ายว่า การหารือครั้งนี้เป็น “สัญญาณบวก” ที่ทำให้ UN เข้าใจบริบทของไทยมากขึ้น และสะท้อนถึงความพยายามแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและความจริงใจ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





