Home
|
ทั่วไป

กัมพูชาโวย! สวีเดนขายกริพเพนให้ไทย – ปมปะทะชายแดน

Featured Image

 

เกิดกระแสกดดันระหว่างประเทศ หลังจาก ศูนย์พัฒนากัมพูชา ออกมาแสดงท่าทีไม่พอใจ ที่รัฐบาลไทยลงนามจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี JAS-39 กริพเพน จำนวน 4 ลำ จากสวีเดน เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา

 

ล่าสุด ศูนย์พัฒนากัมพูชาได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก ย้อนถึงเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม โดยระบุว่าในช่วงเวลาดังกล่าว เครื่องบินขับไล่กริพเพนของกองทัพไทย ถูกนำไปใช้โจมตีเป้าหมายฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโก

 

ส่งผลให้ชุมชนชายแดนหลายแห่งได้รับผลกระทบ พลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิต โครงสร้างพื้นฐานและโบราณสถานได้รับความเสียหาย

 

จดหมายยังระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นการ “ใช้กำลังทหารอย่างไม่สมดุล” เพราะไทย มีศักยภาพทางอากาศที่เหนือกว่ามาก ขณะที่กัมพูชาไม่มีเครื่องบินขับไล่แม้แต่ลำเดียว พร้อมย้ำว่า การใช้เครื่องบินรบโจมตีเพื่อนบ้านที่อ่อนด้อยกว่า เป็นการกระทำที่ก้าวร้าว ไม่เป็นธรรม

 

กัมพูชาเลยเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดน ในฐานะประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกลาง ขอให้ทบทวนการออกใบอนุญาตส่งออกอีกครั้ง รวมถึงตรวจสอบกลไกการใช้งานอาวุธปลายทางอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้อาวุธที่ผลิตโดยสวีเดนถูกนำไปใช้โจมตีพลเรือน หรือสร้างความเสียหาย

 

ขณะที่ฝั่งสวีเดน ดร.พอล ยอนสัน รัฐมนตรีกลาโหม ได้ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไทยมีสิทธิ์ตามกฎหมายระหว่างประเทศที่จะใช้กริพเพนเพื่อการป้องกันตนเอง ตราบใดที่การใช้งานเป็นไปตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายสากล

 

ดร. ยอนสันยังเน้นย้ำว่า การลงนามสัญญาครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือ ด้านความมั่นคงระหว่างไทยกับสวีเดน พร้อมสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของทั้งสองชาติ โดยเฉพาะการที่มีคนไทยกว่า 80,000 คนพำนักอยู่ในสวีเดน และมีนักท่องเที่ยวสวีเดนเดินทางมาไทยปีละกว่า 200,000 คน

 

นอกจากนี้ แพ็กเกจการจัดซื้อกริพเพนยังรวมถึงโครงการชดเชย ที่จะก่อประโยชน์ต่อสังคมไทยในมิติอื่น ๆ เช่น การลงทุนด้านการศึกษา งานวิจัยและพัฒนา รวมถึงภาคเกษตรกรรม ซึ่งสวีเดนเชื่อว่าจะช่วยพัฒนาศักยภาพของไทยได้รอบด้าน ไม่ใช่เพียงแค่ด้านความมั่นคงทางทหารเท่านั้น

 

เมื่อถูกถามถึงความกังวลว่าการใช้กริพเพนในเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ ดร. ยอนสันกล่าวว่า ทั้งสองประเทศต่างมีความพยายามลดความตึงเครียด ด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม และเปิดโอกาสให้อาเซียนเข้ามามีบทบาทเป็นผู้สังเกตการณ์ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการเชิงบวกต่อประชาชนทั้งสองชาติ

 

สุดท้าย รัฐมนตรีกลาโหมสวีเดนย้ำว่า “ประเทศไทยก็เหมือนทุกประเทศในโลก มีสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง และสวีเดนเคารพสิทธิ์นั้นอย่างเต็มที่”

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube