หญิงสาวชาวลาว แจ้งความหลังถูก เพื่อนยักยอกทรัพย์

ทนายความพาหญิงชาวลาวแจ้งความถูกยักยอกคอนโดและที่ดิน หลังฝากชื่อผัวเพื่อนถือครองแทน
วันนี้ (6 ส.ค 68) ที่สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความเพื่อผดุงความยุติธรรม ได้พาหญิงชาวลาวคนหนึ่งชื่อนางบุน (นามสมมติ) อายุ 38 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายมล สามีของเพื่อนหญิงชาวลาว ในข้อหายักยอกทรัพย์ หลังจากที่นายมลไม่ยอมโอนคอนโดมิเนียม 2 ห้อง และที่ดิน 1 แปลง คืนให้กับเธอตามที่ได้ตกลงกันไว้ ฝากชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แทน หลังสามีคนไทยเสียชีวิต
นางบุนเปิดเผยว่า เธอได้แต่งงานกับชายไทยคนหนึ่งชื่อนายกรรไชย (นามสมมติ) อายุ 65 ปี เมื่อปี 2553 และย้ายมาอยู่กินด้วยกันที่ประเทศไทย โดยนายกรรไชยได้ซื้อคอนโดมิเนียม 2 ห้อง ย่านเอกมัย เพื่อเป็นที่พักอาศัยร่วมกันมานานกว่า 10 ปี จนกระทั่งนายกรรไชยเสียชีวิตในปี 2564หลังจากสามีเสียชีวิต ญาติของสามีซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกได้เห็นใจและยกคอนโดทั้ง 2 ห้องที่นางบุน อาศัยอยู่ให้เป็นของเธอ
แต่เนื่องจากนางบุนเป็นชาวลาวและไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย จึงได้ไปปรึกษาเพื่อนหญิงชาวลาวที่รู้จักกัน เพื่อนคนดังกล่าวได้แนะนำให้นำชื่อนายมล สามีคนไทยของเธอมาเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์แทนก่อน เพราะเข้าใจผิดว่าชาวต่างชาติไม่สามารถถือครองคอนโดมิเนียมได้
ต่อมาเมื่อนางบุน ทราบว่าชาวต่างชาติสามารถถือครองคอนโดมิเนียมได้ เธอจึงได้แจ้งให้เพื่อนและนายมลโอนกรรมสิทธิ์คอนโดและที่ดินคืนให้ แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอดเป็นเวลานานกว่า 2 ปี นอกจากนี้ยังมีที่ดินอีก 1 แปลงในจังหวัดอุดรธานีที่เธอซื้อในปี 2566 ในราคา 290,000 บาท ซึ่งได้ฝากให้นายมลถือครองกรรมสิทธิ์แทนไว้เช่นกัน แต่เมื่อทวงถามก็ได้รับการปฏิเสธและท้าให้ไปฟ้องร้อง
ล่าสุด เมื่อกลางปี 2567 ขณะที่นางบุนพักอยู่ในห้องคอนโด ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมทนายความพยายามบุกรุกและขับไล่เธอให้ออกจากห้อง ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก เธอจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจาก พี่สุ ผู้ไกล่เกลี่ย และทนายอาสา ที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ซึ่งได้แนะนำให้มาปรึกษา ดร.เกรียงศักดิ์ และเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ซึ่งเป็นท้องที่ที่คอนโดตั้งอยู่
ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่า การกระทำของนายมลถือเป็นการเบียดบังทรัพย์สินของผู้อื่นโดยทุจริต ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง จึงได้พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้อื่นตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันอีก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews