ปธ.ผู้แทนการค้าไทย ตอกย้ำพันธมิตรใกล้ชิด EU เดินหน้า FTA
เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป อำลาประธานผู้แทนการค้าไทย ตอกย้ำพันธมิตรใกล้ชิด เดินหน้า FTA ไทย–อียู
ดร.นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย ได้ให้การต้อนรับและหารือกับ ฯพณฯ นายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ในโอกาสอำลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (EU) ที่แน่นแฟ้นและก้าวหน้าในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ดร.นลินี ได้กล่าวชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตเดลีในการขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างไทยกับอียู โดยเฉพาะการผลักดันกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (PCA) ให้มีผลบังคับใช้ไปพลาง รวมถึงการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย–อียู (FTA) ที่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจน โดยขณะนี้สามารถสรุปบทเจรจาได้แล้ว 7 จาก 23 บท
ดร.นลิน เน้นย้ำว่า ความตกลง FTA ฉบับนี้จะเป็นความตกลงการค้าเสรีที่มีมาตรฐานสูง ครอบคลุมทั้งประเด็นการค้าแบบดั้งเดิมและประเด็นใหม่ ๆ โดยฝ่ายไทยพร้อมเจรจาบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและความแตกต่าง ของแต่ละฝ่าย พร้อมเปิดรับความร่วมมือทางวิชาการจากอียู เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมดุล เป็นประโยชน์ร่วมกัน และเอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นอกจากประเด็นเรื่องความตกลงการค้าเสรี ดร.นลินี และเอกอัครราชทูตเดลียังได้หารือกันในประเด็นการค้าด้านอื่น ๆ รวมถึงเรื่องมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phyto-Sanitary: SPS) และการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fisheries) ด้วย
นอกจากนี้ ดร.นลินียังได้หารือถึงประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญและต้องการความร่วมมือจากสหภาพยุโรปในการพิจารณาผ่อนปรนมาตรการด้านวีซ่า โดยเสนอให้พิจารณาแนวทางการยกเว้นวีซ่าเชงเก้นสำหรับ ผู้ถือหนังสือเดินทางไทย หรือในเบื้องต้น ขอให้รับการสนับสนุนการออกวีซ่าระยะยาวประเภท multiple entry เป็นเวลา 5 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างภูมิภาค ส่งเสริมการเดินทาง การค้า การลงทุน และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
ในช่วงท้ายของการหารือ ดร.นลินีได้กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตเดลีสำหรับบทบาทสำคัญตลอดช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งในประเทศไทย และอวยพรให้ประสบความสำเร็จในภารกิจต่อไป พร้อมยืนยันว่าฝ่ายไทยพร้อมทำงานร่วมกับเอกอัครราชทูตคนใหม่ของอียู เพื่อสานต่อความร่วมมือระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปให้แน่นแฟ้น มั่นคง และยั่งยืนยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สหภาพยุโรปเป็นคู่ค้าลำดับที่ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับอียูอยู่ที่ประมาณ 43,533 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 7.17 ของการค้าไทยในตลาดโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.36 จากปี 2566 โดยไทยส่งออกไปอียูมูลค่า 24,205 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.23 ขณะที่การนำเข้าจากอียูอยู่ที่ 19,328 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.16 ทำให้ไทยเกินดุลการค้ากับอียู 4,877 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภาคการส่งออกของไทย และโอกาสในการขยายการค้าในตลาดยุโรปอย่างต่อเนื่อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





