นักวิชาการ ชี้ เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงรอบด้าน

นักวิชาการ ชี้ เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงรอบด้าน ล่าสุด หอการค้าฯ ปรับประมาณการลดลงเหลือ 1.7% พร้อมแสดงความกังวลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ซ้ำเติมการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ

 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ บอกว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอนสูงในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 จากมาตรการทางภาษีของสหรัฐที่ไทยกำลังจะเข้าสู่การเจรจาในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ อาทิ ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ที่มีนัยยะสำคัญต่อราคาน้ำมันดิบ อัตราเงินเฟ้อและนโยบายการเงินทั่วโลก

 

ความตึงเครียดพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาซึ่งล่าสุด มีมาตรการคุมเข้มการเข้าออกตามแนวชายแดน และการห้ามนำเข้าสินค้าบางรายการ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวล่าช้าจากนักท่องเที่ยวจีน ที่การขยายตัวลดลง รวมถึงเสถียรภาพของรัฐบาลจากกรณีคลิปเสียงของนายกฯ

 

ซึ่งจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้านทั้งหมดทำให้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ลดลง จากขยายตัว 3 % เหลือ 1.7% /การส่งออกขยายตัว 2.5% นักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลงจากประมาณการเดิมเหลือ 36 ล้านคน การลงทุนของภาคเอกชนหดตัว 1.2% ขณะที่การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 6%

 

ส่วนสถานการณ์ที่ต้องจับตามอง ในกรณีความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา หากสถานการณ์คลี่คลายได้โดยเร็ว จะกระทบต่อจีดีพีเพียง 0.06% , หากสถานการณ์ยืดเยื้อในระดับปานกลาง หรือมีการควบคุมแนวชายแดน 3 เดือนจะส่งผลกระทบต่อจีดีพี 0.19% แต่หากเกิดการปิดด่าน 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะส่งผลต่อจีดีพี 0.38% โดยสินค้าส่งออกไทยไปยังกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดอยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รองลงมาเป็นกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน และกลุ่มเคมีภัณฑ์และปุ๋ย