ผบช.สอท. ยังไม่ฟัน “ฮุยวัน” ฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ผบช.สอท. ยังไม่ฟัน ฮุยวัน เป็นบริษัทฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เตรียมประสานข้อมูลกระทรวงการคลังสหรัฐ ยังไม่มีหลักฐานพอเอาผิดนักการเมือง-ผู้บริหารกัมพูชา
วันนี้ (17 มิ.ย 68) พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวถึงกรณีพบเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์ไปที่บริษัทรับเเลกเงินของกัมพูชา
พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ กล่าวว่า จากข้อมูลที่เราตรวจสอบบริษัทฮุยวัน เป็นบริษัทแลกเปลี่ยนเงินคริปโต ที่พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือบริษัทต่างๆ จะเข้ามาแลกเปลี่ยนเงินผ่านบริษัทนี้ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าบริษัทนี้รู้เห็นและอยู่ในขบวนการฟอกเงิน แต่ทางเราก็เคยขอข้อมูลจากบริษัทฮุยวัน ที่สามารถนำไปถึงการออกหมายจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ อย่างไรก็ตามจะต้องตรวจสอบว่าฮุยวัน มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เพราะการมีส่วนร่วมกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติจะต้องมีพยานหลักฐานมากกว่านี้
ทางกระทรวงการคลังของสหรัฐมีประกาศว่าบริษัทนี้ขึ้นแบล็คลิสต์ไว้ว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินให้อาชญากรรมข้ามชาติหรือแฮ็กเกอร์ของประเทศหนึ่ง ต้องจับตาหรือไม่ พลตำรวจโทไตรรงค์ บอกว่า มีการประสานข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานต่างๆอยู่แล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นจับตาส่วนกรณีที่นักธุรกิจ wang Yicheng มีส่วนร่วมในเครือข่ายบริษัทฮุยวัน และมีภาพคู่กับพลตำรวจตรีชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 หรือผู้การแจ้ ได้มีการตรวจสอบแล้วหรือยัง
พลตำรวจโทไตรรงค์ ตอบว่า ก่อนที่จะแถลงข่าวได้มีการสอบถามโดยตรง เจ้าตัวยืนยันว่า ภาพดังกล่าวถ่ายเมื่อสี่ปีที่แล้ว โดยขณะนั้นยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งในกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ซึ่งเป็นการนำดอกไม้มาแสดงความยินดี โดยดอกไม้ดังกล่าวมีมูลค่าไม่ถึง 3 พันบาทตามกฎหมาย ป.ป.ช. และไม่ได้มีการติดต่อกันอีก และจำบุคคลดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากผู้การแจ้ปัจจุบันเป็นตำรวจอินฟลูเอนเซอร์ และเป็นคนที่อัธยาศัยดี ทำให้มีผู้คนมาขอถ่ายรูปเยอะ
ยืนยันว่าหากมีตำรวจไซเบอร์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดไม่ละเว้นส่วนระหว่างสถานการณ์ข้อพิพาทของทั้ง2 ประเทศ ตำรวจไซเบอร์ ได้ช่วยเหลือรัฐบาลในมิติในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามนโยบาย โดยนโยบายหลักคือไม่จบไม่เลิก
ทั้งนี้มีรายงานว่าเงินรายได้หลักของประเทศกัมพูชามาจากเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์และธุรกิจสีเทาต่างๆ ทางตำรวจไซเบอร์ถือว่าเป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ของประเทศนี้หรือไม่ พลตำรวจไตรรงค์ ตอบว่า เรื่องของรายได้หลักหรือไม่ เป็นเพียงแค่การข่าว และข้อมูลที่มีในโลกออนไลน์เท่านั้น แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานพอที่จะใช้ในการดำเนินคดีได้ จึงไม่สามารถยืนยันว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่จริงหรือไม่ แต่ประเทศไทยยืนยันอยู่แล้วว่าไม่เอาคอลเซ็นเตอร์ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม และเดินหน้าปราบปรามอย่างเต็มที่
จากข้อมูลการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานพอที่จะดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนักการเมืองหรือผู้บริหารประเทศกัมพูชาเหมือนกับการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ของประเทศเมียนมาหรือไม่ พลตำรวจโทไตรรงค์ บอกว่า จากข้อมูลการสืบสวนสอบสวน ยังไม่มีพยานหลักฐานมากพอขนาดนั้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





