Home
|
ข่าว

คปท.จี้”ภูมิธรรม”เอาจริงเลิกหงอ แก้ชายแดนไทย-เขมร

Featured Image
คปท.บุกกลาโหม เรียกร้อง “ภูมิธรรม” แก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา แนะถึงเวลาให้ทหารมีอำนาจตัดสินใจในพื้นที่ เชื่อมั่น กองทัพเข้มแข็งพร้อมรบ ดักคอเกรงใจสัมพันธ์”ทักษิณ-ฮุนเซ็น”อยู่หรือไม่ ห่วงชายแดนระอุซ้ำ มองตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนำไปสู่ปฏิวัติ

 

กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เดินทางไปที่ กระทรวงกลาโหม เพื่อแสดงจุดยืน พร้อมทั้งเรียกร้องให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เร่งแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้เกิดความสงบเรียบร้อยโดยเร็ว โดยเสนอให้ใช้กลไกสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลด้านความมั่นคงโดยตรง มีบทบาทขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ให้มากกว่านี้

 

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นายภูมิธรรม อาจจะเกรงใจความสัมพันธ์ส่วนตัว ระหว่างสองครอบครัว และระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร และสมเด็จฮุนเซ็นอยู่หรือไม่ แต่สถานการณ์ชายแดนวันนี้ ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว แต่เป็นความขัดแย้งที่อาจจะบานปลาย จึงมองว่าไทยต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจนมากกว่านี้

 

ทั้งนี้ ยืนยันว่า คปท.ไม่ได้ออกมากดดันกองทัพ แต่ต้องการสื่อสารไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ขณะนี้มีท่าทีตกเป็นรองทางการเมืองฝ่ายกัมพูชา รวมทั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยแสดงท่าทีตอบโต้อย่างชัดเจน
กรณีที่ฝ่ายกัมพูชาปลุกระดมอ้างสิทธิ์ในพื้นที่เขตแดนที่ยังตกลงกันไม่ได้ โดยย้ำว่าจะจับตาการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทยกัมพูชาที่กรุงพนมเปญ 14 มิถุนายนนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี
และเห็นว่าไทยต้องมีจุดยืนชัดเจน ก่อนที่จะไปเจรจากับกัมพูชา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังเรียกร้อง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้อำนาจกองทัพ ตัดสินใจในพื้นที่ชายแดนมากกว่านี้ ซึ่งที่ผ่านมากองทัพได้เสนอมาตรการแก้ไขปัญหาชายแดนจัดเบาไปหาหนัก เช่นข้อเสนอปิดด่านชายแดน แต่ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร

 

ทั้งนี้ กองทัพ มีท่าทีที่ดีแล้วแม้ว่าจะนิ่ง แต่ก็พร้อมรบ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางกองทัพมากกว่ากัมพูชา แต่ที่ผ่านมาฝ่ายการเมือง เป็นผู้ชักนำ และกองทัพก็ให้เกียรติฝ่ายการเมือง ดังนั้นในวันนี้ถึงเวลาที่ฝ่ายการเมืองต้องให้เกียรติกองทัพตัดสินใจ

 

โดยภายหลังการยื่นหนังสือนายพิชิต ได้ให้สัมภาษณ์ ว่า ได้มีการหารือใน 3 ประเด็น คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่มีท่าทีในการประท้วงทหารกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ทางกองทัพภาคที่ 2 จะมีการทำหนังสือประท้วงบริเวณปราสาทตาเมือนธมและช่องบก ไปแล้ว แต่เป็นการแสดงท่าทีของฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งวันนี้ถึงเวลาแล้วพี่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องมีหนังสือประท้วงเป็นทางการ เพื่อเป็นหลักฐาน ต้องกล้าประกาศว่าบริเวณพื้นที่ไหนเป็นพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อนำไปสู่การเจรจาใน JBC และมองว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นได้แบบสันติและยั่งยืนคือ ไทยต้องมีการกำหนดพื้นที่ที่ชัดเจน เพื่อให้ทหารในพื้นที่มีทิศทางในการปฏิบัติอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้ทหารกัมพูชา อ้างสิทธิ์เป็นพื้นที่ทับซ้อนแล้วเข้ามาปฏิบัติการทางทหารเพียงฝ่ายเดียว และวันนี้ฝ่ายการเมือง ซึ่งเป็นรัฐบาลมีบทบาทน้อย ไม่สร้างความมั่นใจให้กับคนไทยเลย โดยสภากลาโหม ที่ประกอบไปด้วยผู้นำเหล่าทัพ ควรเข้ามามีบทบาทด้านความมั่นคงบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย -กัมพูชา ให้มากกว่านี้ ทำให้เป็นเหมือนที่ปรึกษาหลัก ในการกำหนดพื้นที่ชายแดน โดยเชื่อว่ายุทธวิธีการทหารมีวิธีปฏิบัติจากเบาไปหาหนักอยู่แล้ว อย่างการปิดด่าน ที่ไม่จำเป็นต้องปิด 24 ชั่วโมง หรือทุกจุด ก็ได้ มีวิธี แนวปฏิบัติอยู่แล้วเพียงแต่ไทยไม่เคยมี การแสดงภาวะกดดันให้กัมพูชารู้สึกเกรงใจ โดยมีแต่เดินตามกัมพูชามาโดยตลอด ซึ่งเราเห็นด้วยกับการเจรจาทางการพูดอย่างสันติวิธี

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับกระแสสังคมที่มีการเรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ นายพิชิต มองว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาซึ่งยุทธวิธีทางการทหารยังมีอีกหลายวิธีที่จะสามารถดำเนินการไปได้ โดยโฆษกกระทรวงกลาโหม และโฆษกกองทัพไทยได้มีการอธิบายถึงขั้นตอนเบาไปหาหนัก รวมถึงขั้นตอนการประกาศออกกฎอัยการศึก ก็มีความจำเป็น หลังจากนั้น คปท.ได้เคลื่อนไปแสดงจุดยืนที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ราชดำเนิน เพื่อให้กำลังใจพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ต่อไป

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube