ยกฟ้องสว.อุปกิตคดีฟอกเงิน หลังรอความยุติธรรมนาน 3 ปี
คดีนายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและค้ายาเสพติด ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการการเมืองไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวพันกับนักการเมืองระดับสูงและเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
โดย นายอุปกิตถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับนายตุน มิน ลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา ซึ่งถูกจับกุมในคดียาเสพติดและฟอกเงิน โดยมีการระบุว่าลูกเขยของนายอุปกิตก็ถูกจับกุมพร้อมกับนายตุน มิน ลัต ซึ่งในคดี ของนายทุนมินลัต นั้น ศาลได้ยกฟ้องจำเลยทุกคน ไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่วันนี้ ศาลอาญา ได้อ่านคำพิพากษา ในคดี ที่ อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องนายอุปกิต ในข้อหาเป็น สมาชิกวุฒิสภาสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน, รวมถึงข้อหาอื่น โดยศาลพิพากษายกฟ้อง ศาลมีการหยิบยก พยานหลักฐาน แชทสนทนา พูดคุยกันระหว่าง นายอุปกิต และนายทุนมินลัต ว่า เป็นเพียงการพูดคุยปรึกษาหารือกันเรื่องการชำระค่าไฟฟ้า และการกระเซ้าเย้าแหย่กัน ไม่มีการพูดคุยเรื่องยาเสพติด ตามที่ พ.ต.ท.มานะพงศ์ เข้าใจ เมื่อมีการปรึกษากันว่า เห็นควรโอนเงินให้บริษัท ชเวชินโป ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนเงิน ระหว่างประเทศ และให้ บริษัทชเวชินโป โอนค่าไฟฟ้าให้กับ การไฟฟ้าแม่สาย โดยที่จำเลยไม่รู้ว่าบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศจะใช้บัญชีใดในการโอนเงินไปชำระให้กับการไฟฟ้าแม่สาย
ข้อเท็จจริงยังรับ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบกับคนในประเทศและต่างประเทศในการร่วมกันฟอกเงินหรือสมคบค้ายาเสพติดและไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดพิพากษายกฟ้อง นายอุปกิต กล่าวเปิดใจ ว่า วันนี้ถือเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่ได้กระทำความผิด และคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัว ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับข้อกล่าวหานี้มานานถึง 3 ปี โดยยืนยันว่า ที่ผ่านมาเป็นแค่ที่ปรึกษาให้กับนายทุนมินลัต ในเรื่องของจ่ายค่าไฟฟ้าในช่วงที่มีการปิดด่านชายแดนแม่สาย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด 19 จึงไม่สามารถนำเงินสดข้ามมาจ่ายฝั่งประเทศไทยได้
ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น สว.ทรงเอ เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จึงขอคืนฉายา สว. ทรงเอ ให้กับนายรังสิมันต์ โรม และพรรคที่สังกัดอยู่ ซึ่งเป็นผู้ที่กล่าวหาและพยายามใช้ตัวเองไปโจมตีทางการเมือง ยืนยันเตรียมฟ้องกลับตามสิทธิ์ข้อกฎหมองกฎหมายอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับตำรวจที่ทำคดีนี้ด้วย แต่ต้องให้คดีถึงที่สิ้นสุดก่อน
หลังจากนี้ ต้องรอดูว่าพนักงานอัยการจะยื่นอุทธรณ์คดีนี้หรือไม่ เพราะยังสามารถต่อสู้คดีได้อีกถึงสองชั้นศาลคือศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา รวมถึงต้องติดตามการไล่เช็คบิลเอาคืนบุคคลที่เกี่ยวข้องในการทำให้นายอุปกิจต้องตกอยู่ในฐานะจำเลยในคดีรวมถึงตกเป็นจำเลยของสังคมด้วยว่าจะดำเนินคดีกับใครอย่างไรบ้าง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





