“นายก ฯ” ชี้ ทบทวนเงินหมื่นเฟส3 เพราะภาษีสหรัฐ เป็นเหตุสุดวิสัย

“นายก ฯ” ชี้ ทบทวน โครงการดิจิทัลฯ เฟส 3 เพราะภาษีสหรัฐฯ เป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีใครคาดคิด มองใช้เงิน 1.57 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมประเทศ บอกเรียงลำดับความสำคัญ รับต้องแจง ปชช.หลังชะลอจ่ายเงินหมื่น แจง “สารัฐ” คุย “ทรัมป์” ไม่ใช่ดีลลับรบ. ย้ำเสียดายโอกาส “ทักษิณ” บินไปเอง ไม่ปิดโอกาสเอกชนเล็กใหญ่ช่วยเจรจา
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามมติของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 โดยเห็นชอบในการทบทวนค่าใช้จ่ายงบประมาณปี 2568 รายการค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีการรับฟังและขอความคิดเห็น รวมถึงข้อเสนอแนะจากหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ขอให้รัฐบาลทบทวน การกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ สอดคล้องในการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเมื่อรับฟังแล้วจึงจำเป็นต้อง เร่งปรับนโยบายเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน เพื่อสร้างรากฐานการเติบโตในระยะยาว และพัฒนาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนนำเงินก้อนนี้ ไปดำเนินการในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบ ในร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎี ทำการตรวจสอบแล้ว พร้อมกับเอกสารประกอบงบรวม 39 เล่ม โดยจะมีการเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยจะมีการพิจารณาในวาระที่หนึ่งในวันที่ 28 พฤษภาคม ถึง 30 พฤษภาคม โดยร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ)ดังกล่าวจะเป็นการกำหนดให้ตั้ง งบประมาณปี 2569 จำนวนวงเงินไม่เกิน 3.7 ล้านล้านบาท
สำหรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต แจกเงินหมื่น ที่ได้จ่ายเงินไปแล้วใน เฟส 1 และ 2 แต่เมื่อมาถึงเฟส 3 เป็นเพราะไม่มีเงินใช่หรือไม่ แล้วจะมีการทำความเข้าใจกับประชาชน ที่ยังรอเงินหมื่นอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป้าหมายของการทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ นั่นหมายถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด ซึ่งการแจกเงินหมื่นเฟส 1 และ 2 รัฐบาลได้กระตุ้นไปแล้ว ในกลุ่มของคนบอบบางและผู้สูงอายุ ซึ่งต่อจากนี้ เมื่อมีเรื่องของภาษีสหรัฐฯเข้ามา เราก็จะต้องพิจารณาทบทวนซึ่งได้ข้อเสนอจากธนาคารแห่งประเทศไทย
และสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้ทบทวนใหม่ว่าเงินก้อนนี้จะสามารถนำมาใช้ ในส่วนที่จำเป็นและเร่งด่วน กว่าในการแจกเงินหมื่นนั้น คือการเปลี่ยนรูปแบบในการกระตุ้น ว่าจะสามารถนำก้อนนี้ที่ไปเรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรที่จำเป็น ในขณะนี้ต่อประเทศปละจะเกิดผลกับประเทศมากที่สุดซึ่งเราก็ต้องทบทวนเรื่องนี้ใหม่
ส่วนที่ใช้คำว่าชะลอ การจ่ายเงินหมื่น นั่นแสดงว่าประชาชนยังสามารถหวัง ที่จะได้เงินหมื่นอยู่ใช่หรือไม่หรือจริงๆแล้ว เป็นการยกเลิกแต่รัฐบาลไม่กล้าพูด เนื่องจากกลัวกระทบต่อฐานเสียงของรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องพูดให้เข้าใจก่อนว่าขณะนี้ปัญหาที่เข้ามาแทรก ไม่มีประเทศใดอยากให้เกิด ดังนั้นเงินก้อนนี้ทั้งก้อน เกิดประโยชน์ที่ตรงใดสูงสุดเราจะเน้นตรงนั้นมากกว่า เพราะฉะนั้นหากถามว่า ทำไมรัฐบาลถึงไม่บอกว่ายกเลิก เพราะหากกลับมาทำอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น ตอนที่เศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว แล้วการกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบนี้ ก็เป็นผลมากที่สุด ซึ่งรัฐบาลก็มีความหวัง ว่าอยากจะให้สิ่งที่มีประโยชน์สูงสุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศก็ต้องได้ทำต่อ เพราะฉะนั้น ที่คณะกรรมการทบทวนมา ว่าการแจกเงินหมื่น ยังไม่ใช่ตัวกระตุ้นที่ดีที่สุดเพราะ เราก็ต้องรับฟัง และโครงการนี้เป็นการกระตุ้นที่ดีที่สุด สำหรับประเทศนั่นคือสิ่งที่รัฐบาลทำ แต่สถานการณ์ปัจจุบันมีเรื่องกำแพงภาษีเข้ามา
เมื่อถามว่าต่อไปการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคต หากเสียงแล้วไม่ทำตามสัญญา แล้วทำไม่ได้นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยเวลาหาเสียง ก็ประเมินสถานการณ์แล้วว่าเราทำได้จริงแต่ ก็ไม่ได้มีใคร พูดถึงเรื่องของกำแพงภาษีสหรัฐฯที่เกิดขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีประเทศใดคาดคิดมาก่อน ไม่ใช่แค่ประเทศไทย เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่แน่นอนว่า ทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้จริงไหม ก็ยืนยันว่าไม่จริง เพราะรัฐบาลก็ทำไปแล้วไม่ใช่ว่านโยบายนี้ทำไม่ได้เลย แต่สถานการณ์ที่แทรกเข้ามาเป็นเหตุสุดวิสัย เป็นสิ่งที่ ไม่ใช่ว่าทำอยู่แล้วยกเลิกหรือไม่ทำแล้วชะลอไว้ แต่ 2 ครั้งที่ผ่านมา ผ่านความคิดเห็นของทุกฝ่ายและทำได้ แต่ครั้งนี้มีเหตุการณ์ใหม่คือเรื่องของภาษีมันผ่านไม่ได้ ความจริงก็แค่นั้นเอง
เมื่อถามว่าขณะนี้ประชาชนรู้สึกผิดหวังจะต้องให้สส.ของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ทำความเข้าใจ กับประชาชนหรือไม่หลังจากที่รัฐบาลชะลอโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 3 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนว่าต้องทำความเข้าใจแต่ถามว่าแล้วเงินก้อนนี้ไปไหนเราทำโครงสร้างพื้นฐานของประเทศใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในโครงการที่เสนอไปแล้ว อย่างเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค หรือการแก้ปัญหา น้ำท่วมนำแร้งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในประเทศ ทุกๆคนได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะการทำน้ำประปาสะอาดที่ประชาชนจะสามารถใช้ได้ในทุกพื้นที่ เพราะฉะนั้น นี่คือความจำเป็นที่จะต้องโยกย้ายหมุนเงินก้อนนี้ ไปทำในสิ่งที่ มีการลงความเห็นมาแล้วว่าต้องทำก่อนในเรื่องของการแจกเงินหมื่น
ส่วนการลงทุนในเรื่องของระบบน้ำ ประชาชนมองไม่ออกว่าจะเป็นการ ไปช่วยเรื่องของกำแพงภาษีสหรัฐฯได้อย่างไร และจะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือไม่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เงินก้อนนี้ 1.57 ล้านบาท เป็นงบประมาณจากงบกลาง ต้องใช้ให้หมดภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ไปจัดการเรื่องกำแพงภาษี เรื่องกำแพงภาษีจะอยู่ในเรื่องนโยบายว่าจะต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง กับทางสหรัฐ และเราจะต้องมีส่วนในการอัดฉีดเงิน เข้าสู่ระบบหรือไม่ ต้องรอดูเป็นคนละเรื่องกัน เงินงบประมาณ 1.57 ล้านบาท ต้องใช้ก่อน 30 กันยายนจึงต้องวางแผน ที่จะใช้เงินได้ทันที สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน และหลังจากวันที่ 30 กันยายน จะมีนโยบายใด ระยะสั้นระยะกลาง ระยะยาวที่จะมารองรับ ต่อจากงบประมาณก้อนนี้ เพื่อไม่ให้เงินก้อนนี้ใช้แล้วหายไป แต่เป็นการใช้ในก้อนแรก เพื่อต่อนโยบาย ระยะกลางระยะยาว
เมื่อถามว่าจะมีโครงการอื่นขึ้นมาสำรองเพื่อชดเชยความรู้สึกของประชาชนที่ไม่ได้รับเงินหมื่นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เงินที่เราลงทุนเป็นโครงสร้างของทั้งประเทศ อาจจะไม่ได้ลงไปในรายบุคคล แต่เป็นภาพรวมที่ทั้งประเทศจะได้ประโยชน์ด้วยกัน จึงขอความร่วมมือให้ช่วยกันสื่อสาร ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่แทรกเข้ามา ทำให้เราจะต้องชะลอในเรื่องนี้ ที่ต้องนำเงินให้คนบางกลุ่มก่อน แต่เปลี่ยนมาให้เป็นทั้งประเทศ เป็นการเรียงลำดับความสำคัญ ส่วนเรื่องของการชะลอโครงการต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่ต้องทบทวน เพราะเงินก้อนนี้มีความสำคัญ ว่าต้องนำมาทำอะไรก่อน เพื่อกอบกู้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจไว้
เมื่อถามว่าขณะนี้ประชาชนรู้สึกผิดหวังจะต้องให้สส.ของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ทำความเข้าใจ กับประชาชนหรือไม่หลังจากที่รัฐบาลชะลอโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 3 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนว่าต้องทำความเข้าใจแต่ถามว่าแล้วเงินก้อนนี้ไปไหนเราทำโครงสร้างพื้นฐานของประเทศใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในโครงการที่เสนอไปแล้ว อย่างเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค หรือการแก้ปัญหา น้ำท่วมนำแร้งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในประเทศ ทุกๆคนได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะการทำน้ำประปาสะอาดที่ประชาชนจะสามารถใช้ได้ในทุกพื้นที่ เพราะฉะนั้น นี่คือความจำเป็นที่จะต้องโยกย้ายหมุนเงินก้อนนี้ ไปทำในสิ่งที่ มีการลงความเห็นมาแล้วว่าต้องทำก่อนในเรื่องของการแจกเงินหมื่น
ส่วนการลงทุนในเรื่องของระบบน้ำ ประชาชนมองไม่ออกว่าจะเป็นการ ไปช่วยเรื่องของกำแพงภาษีสหรัฐฯได้อย่างไร และจะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือไม่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เงินก้อนนี้ 1.57 ล้านบาท เป็นงบประมาณจากงบกลาง ต้องใช้ให้หมดภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ไปจัดการเรื่องกำแพงภาษี เรื่องกำแพงภาษีจะอยู่ในเรื่องนโยบายว่าจะต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง กับทางสหรัฐ และเราจะต้องมีส่วนในการอัดฉีดเงิน เข้าสู่ระบบหรือไม่ ต้องรอดูเป็นคนละเรื่องกัน เงินงบประมาณ 1.57 ล้านบาท ต้องใช้ก่อน 30 กันยายนจึงต้องวางแผน ที่จะใช้เงินได้ทันที สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน และหลังจากวันที่ 30 กันยายน จะมีนโยบายใด ระยะสั้นระยะกลาง ระยะยาวที่จะมารองรับ ต่อจากงบประมาณก้อนนี้ เพื่อไม่ให้เงินก้อนนี้ใช้แล้วหายไป แต่เป็นการใช้ในก้อนแรก เพื่อต่อนโยบาย ระยะกลางระยะยาว
เมื่อถามว่าจะมีโครงการอื่นขึ้นมาสำรองเพื่อชดเชยความรู้สึกของประชาชนที่ไม่ได้รับเงินหมื่นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เงินที่เราลงทุนเป็นโครงสร้างของทั้งประเทศ อาจจะไม่ได้ลงไปในรายบุคคล แต่เป็นภาพรวมที่ทั้งประเทศจะได้ประโยชน์ด้วยกัน จึงขอความร่วมมือให้ช่วยกันสื่อสาร ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่แทรกเข้ามา ทำให้เราจะต้องชะลอในเรื่องนี้ ที่ต้องนำเงินให้คนบางกลุ่มก่อน แต่เปลี่ยนมาให้เป็นทั้งประเทศ เป็นการเรียงลำดับความสำคัญ ส่วนเรื่องของการชะลอโครงการต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่ต้องทบทวน เพราะเงินก้อนนี้มีความสำคัญ ว่าต้องนำมาทำอะไรก่อน เพื่อกอบกู้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจไว้
ส่วนเงินที่จะนำมาใช้ในการต่อสู้กำแพงภาษีของสหรัฐฯจะอยู่ในวงเงินกู้ 500,000 ล้านบาทใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในงบ 1.57 แสนล้านบาท ก็มีส่วนหนึ่ง เราต้องการให้เงินก้อนนี้ออกเป็นรูปประธรรม ก็มีบางส่วนที่ใช่ และมีอีกก้อนที่นำมาใช้เช่นกัน ส่วนรายละเอียดขอให้ไปสอบถามจากกระทรวงการคลัง
ส่วนกรณีที่ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ได้ไปพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประเทศกาตาร์ เรื่องนี้ถือเป็นดีลรับที่เคย พูดไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พอดี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เดินทางไป ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าได้คุยอะไร และไม่มีอะไรที่ประสานกับรัฐบาล ก็เสียดายที่นายทักษิณ ไม่ได้เดินทางไป ซึ่งนายสารัฐถ์ ได้พูดเพียงว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศกาตาร์ ได้ฝากคำทักทายมาถึงตนเท่านั้น
เมื่อถามว่าจะมีการเจรจาให้นายสารัฐถ์ มาช่วยคุยกับทางสหรัฐฯหรือไม่ เพราะดูแล้วมีความสนิทสนมกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องทำตามระบบก่อน ซึ่งหากเป็นนักธุรกิจไม่ว่าเจ้าไหน ไปคุยแล้วเกิดประโยชน์กับรัฐบาล ตนคิดว่าทุกฝ่ายควรจะต้องร่วมมือกัน ไม่ต้องเป็นนักธุรกิจใหญ่ก็ได้เป็นธุรกิจขนาดเล็กก็ได้ ถ้าสามารถช่วยรัฐบาลได้ยิ่งดี
ขณะเดียวกัน นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีมีภาพถ่ายดาวเทียมพบการทำเหมืองแรร์เอิร์ธ ต้นแม่น้ำกก ในเมียนมา ว่า ตนเพิ่งเห็นข่าว และได้พูดคุยกันแล้วให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ้งแวดล้อมเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ ถ้าได้รายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews