SUPERโพล ชี้การพนันเป็นภัยเงียบบอกรัฐควบคุมไม่ได้
SUPERโพลชี้การพนันเป็นภัยเงียบ เยาวชนเข้าถึงแพลตฟอร์มทางมือถือ ห่วงนักเรียนเห็นเพื่อน-ครูสูบบุหรี่ไฟฟ้า บอกรัฐควบคุมไม่ได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ภัยเงียบในกลุ่มนักเรียน” ที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 17 พฤษภาคม 2568 จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนจำนวน 1,525 ราย แบ่งเป็นนักเรียนมัธยมศึกษา 625 คน ผู้ปกครอง 525 คน และคณะครูและผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 375 คน พบว่า “พนันออนไลน์” คือ ภัยเงียบอันดับหนึ่งที่ทุกกลุ่มกังวลมากที่สุด ด้วยร้อยละ 54.8 สะท้อนว่าการเข้าถึงแพลตฟอร์มการพนันในหมู่นักเรียนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็น “พฤติกรรมซ้ำซ้อน” ที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวันของเด็กจำนวนมาก การเปลี่ยนมือถือให้เป็น “โต๊ะพนันในมือ” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง คือ สัญญาณอันตรายว่าโรงเรียนกำลังถูกแทรกแซงด้วยอุตสาหกรรมพนันที่เจาะเข้าถึงเยาวชนโดยตรงอันดับรองลงมา ได้แก่ บุหรี่ไฟฟ้า ร้อยละ 51.2 การถูกรังแกหรือบูลลี่ ร้อยละ 48.9 การล่วงละเมิดทางเพศ ร้อยละ 45.7 การพกพาอาวุธ เช่น มีด ปืน ระเบิดปิงปอง ร้อยละ 38.4 การเสพสื่อรุนแรง/ลามก ร้อยละ 34.1 ภัยแฝง เช่น การถูกชักชวนค้าประเวณีหรือค้ายา ร้อยละ 33.1 สิ่งนี้สะท้อนชัดว่า “ภัยเงียบในโรงเรียน” ไม่ได้มีเพียงเรื่องการเรียน แต่ยังพัวพันกับ พฤติกรรมผิดกฎหมาย ความรุนแรง และปัญหาทางเพศ ที่ขยายตัวลึกในโรงเรียนโดยไม่มีระบบคัดกรองที่ทันสมัยเพียงพอ

ที่น่าเป็นห่วงคือ ผลสำรวจมุมมองของนักเรียนมัธยมศึกษา พบว่า ร้อยละ 56.2 ระบุว่าเพื่อนเล่นพนันออนไลน์ ร้อยละ 53.7 เห็นเพื่อนหรือครูสูบบุหรี่ไฟฟ้า ร้อยละ 50.8 เคยได้ยินข่าวเพื่อนถูกล่วงละเมิดทางเพศ ร้อยละ 44.8 เห็นเพื่อนดูสื่อโป๊/ลามก ร้อยละ 31.2 เคยเห็นเพื่อนพกอาวุธเข้าโรงเรียน สิ่งนี้สะท้อนว่า นักเรียนไม่ได้อยู่ห่างจากปัญหา แต่มีประสบการณ์ตรงกับมัน ทั้งในฐานะผู้เห็น ผู้ร่วม และผู้ได้รับผลกระทบ อย่างกรณี บุหรี่ไฟฟ้า ที่ไม่ใช่เพียงพฤติกรรมการเสพ แต่คือกระบวนการ “ทำให้การเสพติดดูดี” และลามเข้ากลุ่มเพื่อนในฐานะวัฒนธรรมกลุ่มที่รัฐยังไม่สามารถควบคุมได้จริง
ที่น่าพิจารณา คือ ผลโพลชี้ให้เห็นด้วยว่า ผู้ปกครองมีมุมมองคล้ายคลึงกับนักเรียน พบว่า ร้อยละ 56.2 กังวลเรื่องพนันออนไลน์ในหมู่เพื่อนของลูก ร้อยละ 53.7 รับรู้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ร้อยละ 44.8 รับรู้การเสพสื่อไม่เหมาะสม ร้อยละ 42.8 ทราบข่าวล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน ร้อยละ 31.2 ตระหนักเรื่องการพกอาวุธของนักเรียน นี่คือเสียงสะท้อนว่า ผู้ปกครองไม่ได้เพิกเฉย แต่ยังขาดเครื่องมือในการมีส่วนร่วมป้องกัน นอกจากนี้ เมื่อสอบถามมุมมองของครูและผู้บริหาร พบว่า ร้อยละ 52.8 พบปัญหาเด็กติดมือถือและเกม ร้อยละ 46.9 ยืนยันว่าปัญหายาเสพติดและบุหรี่ไฟฟ้ายังมีอยู่ ร้อยละ 41.7 ตระหนักถึงพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ร้อยละ 40.2 กังวลเรื่องปัญหาจิตใจ ครอบครัว และซึมเศร้า และร้อยละ 38.9 พบพฤติกรรมรุนแรงในโรงเรียน เมื่อครูต้องเผชิญทุกปัญหาทั้งเชิงพฤติกรรม กฎหมาย และสุขภาพจิต พร้อมกับไม่มี “กลไกเฝ้าระวัง” ที่ทันสมัย ย่อมเกิดคำถามว่า “ใครจะเป็นคนดูแลครูให้แก้ปัญหาได้อย่างปลอดภัย”
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ผลโพลยังพบด้วยว่า ประชาชนคาดหวังให้ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้นำในการแก้ปัญหาภัยในนักเรียน สูงถึง ร้อยละ 87.2 รองลงมาคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร้อยละ 85.7 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร้อยละ 63.2 กระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 57.4 กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร้อยละ55.6 น่าสังเกตว่า การที่ “ศธ.” มีคะแนนนำสูงสุดนั้น แปลว่าประชาชนคาดหวังต่อ ศธ. ให้ดูแลใกล้ชิดเพราะ ไม่ต้องการให้โรงเรียนเป็นเพียงสถานที่เรียน แต่ต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยของชีวิตและจิตใจเด็ก ๆ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





