Home
|
ข่าว

จับตาคดีฮั้ว สว. ไปต่อหรือพอแค่นี้ หลัง “ทวี” หยุดกำกับ DSI ชั่วคราว

 

กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งให้ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และรองประธานกรรมการคดีพิเศษ เนื่องจากมีเหตุข้อควรสงสัย ใช้อำนาจครอบงำ และแทรกแซง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ในการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ (สว.)

 

พันตำรวจเอกทวี กล่าวเปิดใจหลังศาลมีคำสั่ง โดยระบุว่า ต้องเคารพศาล ไม่ขอไปพูดในรายละเอียด โดยส่วนตัวยังไม่เห็นเรื่องว่ามาจากประเด็นอะไร เพียงแต่อ่านตามข้อความว่ามีการร้องเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 13 พ.ค. จึงยังไม่เห็นคำร้อง ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเคารพศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวมองในทิศทางบวกจะทำให้ทุกคนมีความสบายใจเพราะที่ผ่านมาเราเองไม่ได้ไปทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว ซึ่งมองอีกว่าการเคารพศาล เป็นการสร้างความเข้มแข็ง ของหลักนิติธรรมเรื่องต่าง ๆ จะได้ไปสู่กระบวนการตรวจพิสูจน์

 

ส่วนเนื้อหาที่มีการระบุว่า “มีข้อควรสงสัย ใช้อำนาจครอบงำ และแทรกแซง กกต.ในการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่ายังไม่ได้เห็นในรายละเอียด โดยหลักแล้วหากมีเรื่องมา เขาคงให้เราทำหนังสือชี้แจงศาลส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ เพราะจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจ อีกทั้ง ส่วนตัว กับ กกต. ยังไม่เคยคุยกันสักครั้งเดียว ซึ่งดีเอสไอก็ทำงานตามปกติ การที่ศาลสั่งแบบนี้มองว่าเป็นเรื่องที่ดี และอยากให้ทุกคนให้ความเคารพ เพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งของหลักยุติธรรมคือการตรวจสอบความโปร่งใสเป็นเรื่องที่ดี

 

ส่วนเรื่องสำนวนหรือเรื่องคดีความจากนี้ก็เดินไปตาม กระบวนการ เพราะถึงจะมีเราในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็คงไม่สามารถ เข้าไปแทรกแซง หรือฝ่ายควบคุมอะไรได้ ส่วนข้อหาอั้งยี่-ฟอกเงิน คดีฮั้วเลือก สว.ยังคงดำเนินไป ยืนยันไม่กระทบกับกรอบเวลาในการทำคดี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆดีเอสไอ ย้ำว่า แม้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ในส่วนของการกำกับดูแลดีเอสไอ ก็ไม่มีผล ต่อการสืบสวนสอบสวน คดีฮั้ว สว. เพราะพยานหลักฐานยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ทุกอย่างก็ต้องเดินหน้าไปตามปกติ พร้อมยืนยันว่า วันนี้ดีเอสไอยังใช้กระบวนการสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย

 

ทางด้าน พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แกนนำกลุ่ม สว.สำรอง ยังย้ำว่า มีความไว้วางใจในการสืบสวนสอบสวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 เป็นคณะทำงานร่วมระหว่าง กกต. และ DSI โดยระบุว่ามีความมั่นใจในการทำงานของชุดนี้เนื่องจาก DSI ได้นำข้อเท็จจริงที่มีอยู่มาช่วยคลี่คลายประเด็นต่าง ๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการออกหนังสือเรียก 55 สว. มาชี้แจงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ จากข้อมูลเชื่อว่ายังมีผู้เกี่ยวข้องในคดีฮั้ว สว. อีกกว่า 100 ราย ซึ่งจะมีการดำเนินการตามมาในเร็ว ๆ นี้ ยืนยันมีความเชื่อมั่นในคณะอนุกรรมการชุดนี้

ทั้งนี้ ต้องจับตา ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อคดีฮั้ว ส.ว. หรือไม่ ได้ เนื่องจาก พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง มีบทบาทเชิงนโยบายในการผลักดันให้ดีเอสไอเร่งสอบสวนคดีฮั้ว ส.ว. อย่างจริงจัง การหยุดปฏิบัติหน้าที่อาจทำให้แรงผลักดันจากระดับรัฐมนตรีลดลงชั่วคราว

 

ส่วนผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสังคม อาจทำให้ประชาชนบางส่วนกังวลว่าแรงผลักดันในการตรวจสอบจะอ่อนแรง แต่ก็อาจกระตุ้นความสนใจมากขึ้น เพราะคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นี้อาจทำให้ประชาชนหันมาจับตาดูคดีฮั้ว ส.ว. มากขึ้น ด้วยความสงสัยว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่และกดดันให้ดีเอสไอทำคดีอย่างโปร่งใสยิ่งขึ้น

 

และในการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อาจจะมีผลเชิงสัญลักษณ์และการเมืองมากกว่าทางกฎหมายโดยตรงต่อคดีฮั้ว ส.ว. คดีจะยังเดินหน้าได้ หากดีเอสไอยังทำงานด้วยความเป็นอิสระและโปร่งใสแต่ความเชื่อมั่นของประชาชนอาจได้รับผลกระทบบางส่วน หากเห็นว่าเป็นการลดทอนแรงขับเคลื่อนเชิงนโยบายในการตรวจสอบอำนาจพิเศษ

 


ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube