Home
|
อาชญากรรม

ปิดศูนย์เหตุอาคาร สตง.ถล่ม มีผล15พ.ค.นี้

Featured Image
กทม.ประกาศปิดศูนย์ฯ เหตุอาคารถล่ม ย่านจตุจักร 15 พ.ค. นี้ หลังภารกิจค้นหา-เก็บกู้ซากเสร็จสิ้น แต่การสอบสวนยังเดินหน้า

 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อจัดการสถานการณ์อาคารก่อสร้างถล่มหลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิตและเก็บกู้ซากอาคารได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

 

น.ส.ภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์เฉพาะกิจฯ เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้ปฏิบัติการมาเป็นเวลา 48 วัน และจะประกาศปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. หลังเสร็จสิ้นการขนย้ายซากคอนกรีตและการค้นหาผู้รอดชีวิต พร้อมกันนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่จำเป็นต้องใช้ถนนกำแพงเพชร 2 ในช่วงวันที่ 13-15 พฤษภาคม อาจพิจารณาหลีกเลี่ยงเส้นทาง เนื่องจากการขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์และเครื่องจักรหนักออกจากพื้นที่จะทำให้การสัญจรไม่สะดวก พร้อมกันนี้ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมปฏิบัติภารกิจจนลุล่วง

 

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเสริมว่า หลังจากนี้จะมีการส่งหนังสือแจ้งปิดภารกิจไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่ กทม. ได้ขอความร่วมมือ และแจ้งคณะกรรมการสอบสวนทางคดีว่าภารกิจหลักของ กทม. สิ้นสุดลงแล้ว อย่างไรก็ตาม หากมีหน่วยงานใดต้องการความช่วยเหลือต่อเนื่อง กทม. ยังคงพร้อมให้การสนับสนุน เช่น ห้องน้ำสาธารณะ หรือเครื่องสูบน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกในพื้นที่โดยรอบ

 

ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) เปิดเผยความคืบหน้าด้านการพิสูจน์หลักฐานว่า สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ได้รับร่างผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 89 ราย (80 ร่าง และ 9 ชิ้นส่วน) สามารถพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลได้แล้ว 72 ราย และจะมีการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิต 86 ราย ในวันนี้ (13 พฤษภาคม) เวลา 15.00 น. ส่วนที่เหลือเป็นชิ้นส่วนที่ยังระบุตัวตนไม่ได้ และบางรายครอบครัวอยู่ต่างประเทศ (เมียนมา) ยังไม่สามารถส่ง DNA มาเปรียบเทียบได้ รวมถึงมี 3 ร่างที่ไม่สามารถยืนยัน DNA ได้

 

ในส่วนของวัตถุพยาน พฐก. ได้เก็บตัวอย่างเหล็ก 366 เส้น และคอนกรีตกว่า 200 ชิ้นจากอาคารที่ถล่ม รวมถึงแท่งคอนกรีตจากส่วนที่ไม่ถล่ม เช่น โถงทางเดิน ลิฟต์ และบันไดหนีไฟ โดยหลังวันที่ 15 พฤษภาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำการอายัดสถานที่เกิดเหตุ 2 ส่วน คือ พื้นที่อาคารที่ถล่ม (ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568) และกองซากปูนที่บางซื่อ (ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2568) เพื่อให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็นคณะทำงานที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น สามารถเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสืบสวนสาเหตุการถล่มต่อไป การเข้าพื้นที่ในช่วงอายัดจะต้องได้รับอนุญาตจาก สน.บางซื่อ

 

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนว่า ได้ปิดรับการร้องขอความช่วยเหลือจาก 50 เขตแล้วเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม โดยมีผู้ยื่นเรื่องราวประมาณ 40,000 ราย ส่วนใหญ่ขอรับการสนับสนุนวัสดุซ่อมแซมบ้านเรือน ยอดการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่ที่ 176 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงาน เช่น ค่าน้ำมันเครื่องจักรในพื้นที่อาคารถล่ม (คาดว่าเป็นอาคาร สตง.) อยู่ที่ประมาณ 3,000 ลิตรต่อวัน โดยเฉพาะรถเครนมีค่าใช้จ่ายน้ำมันวันละประมาณ 200,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ยังไม่รวมค่าซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่เสียหายระหว่างปฏิบัติงาน ทั้งนี้ กทม. ได้ทำเรื่องขอสนับสนุนค่าจ้างผู้ประกอบการเอกชน และขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบสองฝั่งถนนที่เกิดเหตุ

 

รองผู้ว่าฯ ทวิดา ยังกล่าวด้วยว่า ในแต่ละวันมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในส่วนอาคารถล่มประมาณ 600-800 คน และหากรวมพื้นที่โดยรอบจะมีเจ้าหน้าที่นับพันคน ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือร่วมใจที่เข้มแข็งของทุกฝ่าย

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube