วิธีเติมลมยางที่ถูกต้อง พร้อมข้อควรรู้เกี่ยวกับแรงดันลมยางรถยนต์
การขับขี่อย่างปลอดภัยเริ่มต้นจากการดูแลส่วนสำคัญหลายๆ จุดของรถยนต์ โดยเฉพาะ ‘ ยางรถยนต์ ’ ที่เป็นส่วนที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนตลอดเวลา และแบกรับน้ำหนักผู้โดยสารและสัมภาระต่างๆ แรงดันลมยางรถยนต์ที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง แต่ยังช่วยลดการสึกหรอของยางและประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูวิธีเติมลมยางที่ถูกต้อง แต่ก่อนอื่นไปดูกันก่อนว่าทำไมการเติมแรงดันลมยางรถยนต์ถึงสำคัญ
ทำไมแรงดันลมยางจึงสำคัญ?
ลมยางรถยนต์ที่มีแรงดันเหมาะสมส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของรถ หากลมยางรถยนต์อ่อนเกินไป เนื้อยางจะสัมผัสกับถนนมากเกินไป ทำให้เกิดความร้อนสะสมและเสี่ยงต่อการระเบิด อีกทั้งยังส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ด้านการควบคุมรถ และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด เช่น ยางระเบิด หรือรถเสียหลักได้ ขณะเดียวกัน หากแรงดันลมยางรถยนต์สูงเกินไป ยางจะไม่สามารถยึดเกาะถนนได้ดีพอ ซึ่งอาจทำให้รถเสียการควบคุมเช่นกัน ดังนั้น การตรวจเช็กลมยางเป็นประจำจึงช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง และลดการสึกหรอของเนื้อยางด้วย
วิธีเติมลมยางรถยนต์ที่ถูกต้อง
1.เช็กแรงดันลมยางที่เหมาะสม
ก่อนเริ่มเติมลมยาง สิ่งแรกที่ควรทำคือ ตรวจสอบแรงดันลมยางที่เหมาะสม โดยสามารถดูข้อมูลได้จาก
- คู่มือรถยนต์ ในคู่มือจะแจ้งแรงดันลมที่เหมาะสมตามรุ่นรถและขนาดยาง
- ป้ายข้อมูลแรงดันลมยาง โดยป้ายนี้มักติดอยู่บริเวณกรอบประตูด้านคนขับ หรือที่ฝาถังน้ำมัน
ค่าที่ระบุจะแสดงในหน่วย PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) หรือ kPa (กิโลปาสคาล) ซึ่งอาจมีการแยกค่า เช่น ยางล้อหน้า-ล้อหลัง หรือเมื่อบรรทุกน้ำหนัก เป็นต้น
2. วัดแรงดันลมยางก่อนเติม
ก่อนเติมลมยาง ควรตรวจสอบค่าแรงดันลมยางปัจจุบันด้วย ‘เกจวัดลมยาง’ เพื่อดูว่ายางมีแรงดันที่ต่ำหรือสูงเกินไป เพื่อที่จะปรับลมยางให้เหมาะสม โดยสิ่งที่รู้ก่อนเริ่มวัดแรงดันลมยาง มีดังนี้
- เวลาที่เหมาะสม ควรวัดลมยางขณะที่ยางยังเย็น หรือหลังจากจอดรถไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพราะการวัดขณะที่ยางร้อนจากการขับขี่อาจให้ค่าที่คลาดเคลื่อนไม่แม่นยำ
- ขั้นตอนการวัด กดหัวเกจวัดลมยางให้แนบสนิทกับจุกลม แล้วอ่านค่าที่แสดงบนเกจ
3.เติมลมยางอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การเติมลมยางรถยนต์ควรทำอย่างระมัดระวัง และเริ่มทีละน้อยเพื่อป้องกันแรงดันลมยางรถยนต์มากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ การยึดเกาะถนน หรือเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่ยางจะแตกได้ โดยควรทำตาม ดังนี้
- ใช้ปั๊มลมแบบแมนนวล หรือใช้บริการที่อู่รถยนต์ หรือปั๊มลมที่สถานีบริการ
- เติมลมทีละน้อยและตรวจวัดแรงดันซ้ำทุกครั้ง
- หากลมยางเกิน ให้ปล่อยลมออกเล็กน้อยจนได้ค่าที่เหมาะสม
4.ตรวจสอบลมยางรถยนต์ให้ครบทุกล้อ รวมถึงล้ออะไหล่
ไม่เพียงแต่ล้อที่ใช้งานอยู่เท่านั้นที่ต้องตรวจเช็กแรงดันลมยาง แต่ล้ออะไหล่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ยางรั่วหรือแตก ยางอะไหล่ควรอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานทันทีด้วย
- หมั่นตรวจลมยางอะไหล่ทุก 1-2 เดือน
- เติมแรงดันลมยางอะไหล่ให้สูงกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อชดเชยแรงดันที่อาจลดลงเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน
ข้อควรระวังในการดูแลลมยาง
- อย่าใช้แรงดันลมที่ต่ำหรือสูง เกินค่าที่กำหนดในคู่มือรถยนต์
- หลีกเลี่ยงการขับรถด้วยลมยางที่อ่อนเกินไป เพราะอาจทำให้แก้มยางบิดตัวจนเกิดความร้อนสะสมและเสี่ยงต่อการยางระเบิด
- หากต้องขับรถบรรทุกน้ำหนักมาก ควรปรับแรงดันลมตามคำแนะนำในคู่มือ
การตรวจแรงดันลมยางรถยนต์เป็นประจำ เป็นสิ่งสำคัญของการดูแลรักษารถยนต์ที่ไม่ควรมองข้าม เพียงแค่เช็กแรงดันลมอย่างสม่ำเสมอ เติมลมอย่างถูกต้อง และไม่ลืมดูแลยางอะไหล่ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่ได้มาตรฐาน Autobacs ศูนย์บริการรถยนต์อันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น มีสาขาทั่วประเทศที่พร้อมบริการตรวจเช็กแรงดันลมยาง เติมลมยาง และจัดหายางรถยนต์ที่เหมาะสมให้กับรถของคุณ และยังมียางรถยนต์หลากหลายแบรนด์ชั้นนำ ให้เลือกตามความต้องการ พร้อมบริการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจได้ในคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล ให้ Autobacs ดูแลรถของคุณ เพื่อความปลอดภัยทุกครั้งที่คุณออกเดินทาง! สอบถามเพิ่มเติม โทร. 065-504-8000 หรือช่องทาง Line Official: @autobacsthailand
No Links, Normal Texts





