สสจ.นครศรีธรรมราช ตั้งโต๊ะแถลงคู่รักติดโควิดดอดขึ้นเครื่องจากกทม.มานครศรีต้องถูกดำเนินคดีที่ กทม.เหตุปกปิดข้อมูล
นายแพทย์จรัสพงศ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช (สสจ.นครศรีธรรมราช) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าสอบสวนโรคผู้ป่วยรายที่ 7 และ 8 ซึ่งเป็นกรณีหญิงชายที่ถูกให้ความสนใจอย่างมากในขณะนี้ว่า ทั้งคู่ได้ให้ความร่วมมือในส่วนกับเจ้าพนักงานควบคุมโรคในส่วนของนครศรีธรรมราชเป็นอย่างดี โดยการตรวจเชื้อนั้นฝ่ายหญิงเป็นผู้ตรวจพบเชื้อในวันที่ 10 เมษายน ส่วนฝ่ายชายนั้นสงสัยว่าจะติดเชื้อก่อนตัดสินใจเดินทางกลับนครศรีธรรมราช โดยได้ข้อสรุปว่าการปกปิดข้อมูลที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความไม่รู้ของผู้ป่วยหญิงที่สามารถเข้ารักษายังสถานพยาบาลใดก็ได้ในพื้นที่เกิดอาการ โดยโครงการยูเส็ปไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และประการต่อมานั้นเกรงว่าค่าใช้จ่ายจะไม่เพียงพอหากต้องเข้ารักษาใน รพ.เอกชนจึงตัดสินใจเดินทางกลับนครศรีธรรมราช
สำหรับการเดินทางมาถึงนครศรีธรรมราช นั้นถือว่าผู้ป่วยได้ปฏิบัติตามกฎหมายกล่าวคือเมื่อเดินทางมาถึงได้แจ้งเจ้าพนักงานทันที และให้ข้อมูลการตรวจพบการติดเชื้อจนเข้าสู่โรงพยาบาล แต่อย่างไรก็ตามการกระทำความผิดนั้นได้เกิดขึ้นแล้วที่กรุงเทพมหานคร คือการตรวจพบเชื้อที่ถูกกำหนดให้เป็นโรคอันตรายร้ายแรง แต่ได้ปกปิดข้อมูลไม่แจ้งเจ้าพนักงาน หรือเข้ารักษาตัวในสถานพยาบาล เช่นเดียวกันแลบเอกชนที่ตรวจพบเชื้อซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกันเนื่องจากไม่ได้มีการแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคซึ่งตามขั้นตอนแล้วจะต้องแจ้งเจ้าพนักงานทันทีที่ตรวจพบเชื้อเช่นเดียว ความผิดที่เกิดขึ้นคือที่ กทม. นอกจากนั้นผู้ที่ได้รับผลกระทบคือที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ในขณะที่ผู้ป่วยเดินทางมา และผู้ที่โดยสารอาการยานลำเดียวกันมาที่นครศรีธรรมราชซึ่งขณะนี้นิติกรกำลังดูข้อมูลทั้งหมดเพื่อแจ้งไปทางกรุงเทพมหานคร
ส่วนที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เจ้าพนักงานควบคุมโรค และเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ได้เข้าตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงนครศรีธรรมราช ทุกคนโดยผ่านอุปกรณ์การตรวจฆ่าเชื้อโรคด้วยแสดงและสแกนอุณหภูมิร่างกายอย่างละเอียด พร้อมทั้งให้ดำเนินการสแกนการเข้าพื้นที่อย่างละเอียดผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
