fbpx
Home
|
ทั่วไป

ย้าย80ผู้ต้องกักหายป่วยโควิดออกจากรพ.สนาม

Featured Image
สตม.ย้าย 80 ผู้ต้องกักติดโควิดที่รักษาหายแล้ว ออกจาก รพ.สนามไปรอผลักดันส่งกลับประเทศ ขอประชาชนมั่นใจเชื่อไม่แพร่

นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค, พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ (สบ.8) รพ .ตร., พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาตรวจดูขั้นตอนการเคลื่อนย้ายผู้ต้องกักที่รักษาตัว ณ รพ.สนามชั่วคราวของสตม. จนหายจากเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนกว่า 80 ราย นำกลับไปกักตัวที่ห้องกักสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สวนพลู) เพื่อรอการส่งกลับประเทศต้นทางตามกระบวนการต่อไป

ทั้งนี้ ทีมแพทย์ของสตม. พร้อมเจ้าหน้าที่สตม. บางเขน ได้สำรวจและจัดทำรายชื่อผู้ต้องกักทุกราย จำแนกรายห้อง และได้ติดทะเบียนรายชื่อไว้หน้าห้องทุกห้อง เพื่อเป็นการตรวจสอบจำนวนรายชื่อ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการคัดกรองเชิงรุก และการควบคุมโรคต่อไป โดยมีการจัดแบ่งผู้ต้องกักเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้ต้องกักที่ตรวจหลังกักตัวครบ 14 วันแล้วผลตรวจ PCR for COVID-19 เป็นลบ และภูมิคุ้มกันขึ้น และผู้ต้องกักที่ตรวจหลังกักตัวครบ 14 วันผลตรวจ PCR for COVID-19 เป็น inconclusive แต่ภูมิคุ้มกันขึ้น

ปัจจุบัน รพ.สนามชั่วคราวของสตม. มีผู้ต้องกัก จำนวน 200 คน ผู้ต้องกักที่ได้รับการรักษาหายดีแล้วมีจำนวน จำนวน 82 คน ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการสวอปจำนวน 3 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ต้องกักที่จะเคลื่อนย้ายทั้งหมดปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว ในการเคลื่อนย้ายผู้ต้องกักครั้งนี้สตม.ได้ใช้รถบัส จำนวน 2 คัน เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ต้องกัก ไปยังห้องกักสวนพลู ในส่วนเจ้าหน้าที่ที่ดูแลโรงพยาบาลสนามชั่วคราวสตม. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลผู้ต้องกักตลอด 24 ชั่วโมง และได้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

จึงขอให้ประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลสนามชั่วคราวมั่นใจได้ว่า จะไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกไปนอกพื้นที่โรงพยาบาลสนามชั่วคราวอย่างแน่นอน ทั้งนี้ หากมีการย้ายหรือเพิ่มจำนวนจะทำการจดบันทึกและแจ้งรายละเอียดเพื่อปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube