fbpx
Home
|
ทั่วไป

ย้ายผู้ต้องกัก100คนแรกไปรพ.สนามแล้ว “บิ๊กอู๊ด”ขอมั่นใจรพ.สนามฯไม่แพร่เชื้อ

Featured Image
“อนุทิน”ตรวจเยี่ยมเคลื่อนย้ายผู้ต้องกัก100 คนแรกไป รพ.สนามชั่วคราว สตม. ย้ำมั่นใจปลอดภัย ไม่แพร่เชื้อสู่ชุมชน

"อนุทิน"ตรวจเยี่ยมเคลื่อนย้ายผู้ต้องกัก100 คนแรกไป รพ.สนามชั่วคราว สตม.

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค, พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. เดินทางมาตรวจเยี่ยม รพ.สนามชั่วคราว สตม. กรณีมีการเคลื่อนย้ายผู้ต้องกักไปยัง รพ.สนามชั่วคราว ที่จัดตั้งขึ้นที่อาคารโรงยิมกองสวัสดิการ ตร. มีจำนวนเตียงทั้งสิ้น 300 เตียง

วันนี้ ได้ทำการเคลื่อนย้ายผู้ต้องกักที่ติดเชื้อโควิด-19 ห้องกัก(บางเขน) มายัง รพ.สนามชั่วคราวด้วยรถของรพ.ตร.จำนวน 100 ราย เพื่อเข้าทำการกักตัวและสังเกตอาการจนกว่าจะตรวจไม่พบเชื้อโควิด สำหรับสถานการณ์ผู้ต้องกักติดเชื้อโควิด-19 มีจำนวน ทั้งสิ้น 393 คน เป็นชาย 370 คน และ หญิง 23 คน

นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวที่ รพ.สนามแห่งนี้ ไม่ใช่คนสัญชาติไทย ส่วนมากเป็นคนวัยทำงานที่ลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่มีความแข็งแรงระดับหนึ่ง จึงพบว่าไม่แสดงอาการป่วย และได้คัดแยกจากสถานกักตัวโดยได้เคลื่อนย้ายออกมาตามขั้นตอน หากพบว่าเริ่มแสดงอาการป่วย ก็จะส่งเข้ารักษาตัว และเมื่อกักตัวครบกำหนด 14 วัน ก็จะส่งกลับสถานที่กักตัวเพื่อเตรียมผลักดันออกนอกประเทศตามขั้นตอนกฎหมายโดยจะต้องเจรจากับประเทศต้นทางที่หลบหนีออกมา

พร้อมยืนยันว่าชาวบ้านรอบบริเวณไม่มีทางติดเชื้อแน่นอน หากมีความเสี่ยงจะไม่มีทางให้ตั้ง รพ.สนาม แน่นอน เพราะต้องดูการถ่ายเทของอากาศ และความปลอดภัย และที่ตั้งก็ห่างจากชุมชนกว่าหลายร้อยเมตร ซึ่งผู้ป่วยจะถูกควบคุมดูแลตลอดเวลา หากไม่ได้เข้ามาคลุกคลีกับผู้ป่วยเป็นชั่วโมงก็ยากที่จะติดเชื้อ พร้อมระบุ นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงสิ้นปีนี้ คาดว่าจะฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าให้ประชาชนได้เกือบครบทุกคน

ทั้งนี้ สตม.มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลผู้ต้องกักที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนามชั่วคราวตลอด 24 ชั่วโมง และปฏิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดออกไปนอกพื้นที่โรงพยาบาลสนามชั่วคราวอย่างแน่นอน

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ผบช.สตม.ย้ำขอปชช.มั่นใจ รพ.สนามฯตม.ปลอดภัยเชื้อไม่แพร่สู่ชุมชน หากจะติดใครตำรวจก็ติดก่อนชาวบ้าน – ตำรวจติดเชื้อ1นายไม่มีอาการแทรกซ้อน

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวย้ำเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับการ จัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว สตม. ณ อาคารโรงยิมกองสวัสดิการ ตร. ในพื้นที่สโมสรตำรวจซึ่งมีการย้ายผู้ต้องกักติดเชื้อโควิด-19 ลอตแรกจำนวน 100 คนเข้ามาพักรักษาดูอาการ ว่า ข้างในเป็นโรงยิมเข้าออกได้ทางเดียว คนเข้าออกต้องสวมชุดป้องกัน หรือ PPE และมีระบบตรวจสอบคัดกรอง โดยภายในเป็นไข่แดง ส่วนรอบนอกถือเป็นไข่ขาว จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความเรียบร้อย และติดตั้งรั้วลวดหนาม เพื่อไม่ให้คนออกและคนเข้าและยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คอยดูแลความเรียบร้อยตลอด 24 ชม.

โดยตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ดูแลจัดเวรเป็น 2 ผลัด คนละ 15 วัน และกักตัวครบ 15 วัน ถึงจะกลับบ้านไปพบปะกับครอบครัวได้ ดังนั้นตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้ถือว่าเป็นผู้ที่เสียสละ และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร ส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญด้านเก็บขยะติดเชื้อจาก รพ.มาเก็บ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเชื้อไม่แพร่ออกไปข้างนอกแน่นอน หรือหากจะมีใครติดก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดก่อนชาวบ้าน

ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่าได้ทำบันทึกสั่งการไปยัง ตม.ทั่วประเทศที่มีห้องกัก ประสานกับสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้สาธารณสุขจังหวัดอำนวยความสะดวก และให้ความร่วมมือกับทาง ตม.เต็มที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยการจัดห้องแยกผู้ต้องกักที่รับมาใหม่กักตัวเป็นเวลา 15 วัน เพื่อสังเกตอาการ ซึ่งเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะป้องกันการติดเชื้อไปยังภูมิภาคได้

สำหรับอาการของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทำหน้าที่ตรวจค้นสิ่งของผู้ต้องกักติดโควิด 1 ราย อาการปลอดภัย ไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ โดยทีมแพทย์ รพ.ตำรวจดูแลอาการอย่างดี

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube