fbpx
Home
|
ทั่วไป

“เนต้า ออโต้” เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากโรงงานในไทย

Featured Image

โรงงานในไทยของเนต้า ออโต้ (NETA Auto) ได้เริ่มการผลิตอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยคุณจาง หย่ง ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของเนต้า ออโต้ และคุณวันชัย จึงสงวนพรสุข ซีอีโอของบริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด (Bangchan General Assembly Co., Ltd.) ผู้เป็นหุ้นส่วนของเนต้า ออโต้ ได้เข้าร่วมงานด้วย การเปิดตัวรถยนต์เนต้าคันแรกที่ “เมดอินไทยแลนด์” 

ภายในงาน จาง หย่ง กล่าวว่า “เนต้าได้บูรณาการเข้ากับห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนผ่านทางโรงงานในไทย ทำให้เนต้ากลายเป็นผู้มีส่วนร่วมและผู้สนับสนุนรายสำคัญในด้านนี้” เนต้ามุ่งมั่นที่จะสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การผลิต การขาย ไปจนถึงบริการหลังการขาย โดยโรงงานในไทยซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของห่วงโซ่อุปทานนี้ มีความพร้อมที่จะเป็นแบบอย่างสำหรับการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่อัจฉริยะในระดับสากล

โรงงานเนต้า ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเนต้าและบางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี สร้างขึ้นด้วยมาตรฐานระบบอัตโนมัติที่ล้ำสมัย โดยยึดหลักการผลิตแบบลีนและการผลิตอัจฉริยะ ซึ่งนำไปสู่การปรับปรุงการใช้ทรัพยากร คุณภาพ และประสิทธิภาพอย่างครอบคลุม 

หลังจากเริ่มการผลิตขนาดใหญ่ในไตรมาสแรกของปี 2567 แล้วนั้น ทางโรงงานคาดว่ากำลังการผลิตจะแตะที่ 20,000 คันต่อปี โรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของเนต้า โดยเฉพาะรุ่นพวงมาลัยขวา ซึ่งตอบสนองความต้องการด้านการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยและตลาดในวงกว้าง

เนต้า ออโต้ เผยโฉมรถยนต์ระดับโลกรุ่นเนต้า จีที (NETA GT) และเนต้า เอ็กซ์ ภายในมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ของไทย (40th Thailand International Motor Expo) โดยเนต้า จีทีผสมผสานการออกแบบสไตล์รถสปอร์ตตัวจริง สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ในระยะเวลาเพียง 3.7 วินาที ขณะเดียวกัน เนต้า เอ็กซ์โดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เกือบ 20 รายการ รวมถึงห้องโดยสารที่กว้างขวางและเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ 

ปัจจุบัน เนต้า ออโต้ได้วางแผนผลิตรถยนต์ในต่างประเทศ 7 รุ่นด้วยกัน รวมถึงรถซีดาน รถเอสยูวี และรถสเตชันแวกอน นอกจากนี้ ยังกำลังพัฒนารถยนต์รุ่นพวงมาลัยซ้ายและขวา ซึ่งจะสามารถจำหน่ายในตลาดต่างประเทศได้มากกว่า 60 แห่ง

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube