กระทรวงโยธาธิการและการเคหะ (PUPR) และสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศจาการ์ตา (JFCC) ร่วมกันจัดการอภิปรายภายใต้กรอบการประชุมน้ำโลก (World Water Forum หรือ WWF) ครั้งที่ 10 ในหัวข้อ “ถนนสู่การประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 10: นโยบาย เทคโนโลยี และโอกาสการลงทุนในการจัดการทรัพยากรน้ำ”
เอนดรา ซาเลห์ อัทมาวิดจาจา ที่ปรึกษาพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการเคหะของสาธารณรัฐอินโดนีเซียด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม กล่าวเปิดงานว่า เป็นเกียรติสำหรับอินโดนีเซียที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 10 และเป็นผู้นำในการประเมินปัญหาน้ำทั่วโลก เรามีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความอิสระ และความเจริญรุ่งเรืองในแง่ของการมีแหล่งน้ำ
การอภิปรายครั้งนี้ประกอบด้วย ยูน-จิน คิม ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 10, ฟิรเดาส์ อาลี ที่ปรึกษาพิเศษของรัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและการเคหะด้านทรัพยากรน้ำ, อัสแมน คันซอง อธิบดีด้านสารสนเทศและการสื่อสารสาธารณะ กระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศ, อิหม่าม ซานโตโซ ผู้อำนวยการบริษัทเปรุม จาซา เตอร์ตา ทู, ระห์หมัต ฮิดายัต ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการรัฐบาล บริษัทดานอน อินโดนีเซีย และชินตา คัมดานิ ประธานสมาคมนายจ้างแห่งอินโดนีเซีย
ฟิรเดาส์ อาลี กล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียได้จัดทำโครงการเพื่อพัฒนาภาคทรัพยากรน้ำ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการสร้างเขื่อน โดยตั้งเป้าไว้ที่ 57-59 ลบ.ม. ต่อคนต่อปี ความท้าทายหลักในภาคส่วนทรัพยากรน้ำคือการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืนผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ สมาคมนายจ้างแห่งอินโดนีเซีย บริษัทเปรุม จาซา เตอร์ตา ทู และบริษัทดานอน อินโดนีเซีย ต่างเห็นด้วยกับกระทรวงโยธาธิการและการเคหะว่า ภาคเอกชนและภาครัฐจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ใหม่ในการจัดตั้งการจัดหาเงินทุนและการลงทุนด้านน้ำอย่างยั่งยืน
ชินตา คัมดานิ ประธานสมาคมนายจ้างแห่งอินโดนีเซีย กล่าวว่า มีเงื่อนไขสามประการในการสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดหาเงินทุนด้านน้ำอย่างยั่งยืน ได้แก่ ความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน รูปแบบความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และความยั่งยืนของความร่วมมือ นโยบายและแรงจูงใจของรัฐบาลยังเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งเงินทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้
