Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

เร่งล่า! จีนอ้วน-ผอม อุ้มรีดทรัพย์ ย่านห้วยขวาง

พลตํารวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงคดีแก๊งชาวจีนอ้วนผอมอุ้มหญิงสาวชาวจีนอายุ 25 ปี ก่อนหลบหนีออกนอกประเทศในพื้นที่สถานีตํารวจนครบาลห้วยขวาง

 

 

โดยระบุว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ต่อเนื่อง วันที่ 18 เม.ย. บริเวณคอนโดมิเนียมชั้น 35 ย่านพระราม 9 โดยผู้เสียหายถูกแก๊งคนจีนทำร้ายร่างกายและถอดเสื้อผ้ามัดไว้กับเก้าอี้ ก่อนจะบังคับให้โอนเงินจํานวน 427,500 บาท หลังจากนั้นได้แยกย้ายกันหลบหนี เบื้องต้นจากการตรวจสอบร่างกาย พบบาดแผลจากการถูกพันธนาการ และรอยตบบริเวณใบหน้า แต่ไม่พบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ

 

โดยคนร้ายมี 2 ราย คือ นายตัง ซิ เหว่ย หรือนายจาง จี้ หมิง รูปร่างผอม ที่หลบหนีด้วยการนั่งแท็กซี่ไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนใช้พาสปอร์ตในชื่อตังซิเหว่ย โดยสารเครื่องบินออกนอกประเทศ ปลายทางคือกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

 

ส่วนคนร้ายอีกราย คือ นายซู เหว่ย รูปร่างค่อนข้างอ้วน หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับไปบ้านพักย่านสุทธิสาร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีชาวจีนพักอาศัยอยู่อีก 7 คน จากการตรวจสอบไม่พบความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงนักท่องเที่ยวทั่วไปเท่านั้น

 

สำหรับนายตังซิเหว่ย ตรวจสอบพบว่า มีประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทยตั้งแต่ปี 2016 จำนวน 3 ครั้ง ส่วนนายซูเหว่ย มีประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทยแล้ว 12 ครั้งตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งทุกครั้งเดินทางเข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว

 

จากการสอบสวนเชื่อว่าคนร้ายทั้งสองรายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประเทศจีน และมีการวางแผนเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย โดยมีการเช่าห้องตั้งแต่วันที่ 16-19 เมษายน ก่อนสุ่มเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสาวชาวจีน และทำทีตีสนิทเหยื่อตั้งแต่วันที่ 13 เมษายนและชักชวนมาที่ห้องในวันที่ 17 เมษายน ก่อนจะลงมือก่อเหตุ

 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ และข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการโดยใช้กำลังประทุษร้าย, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น, และทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ

 

โดยเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามตัวต่อไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบที่มาของพาสปอร์ตทั้งสองเล่มของนายตังซิเหว่ย ว่ามาจากประเทศไทยหรือจีนกันแน่

 

ทั้งนี้ พลตำรวจตรีนพศิลป์ยอมรับว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมามีการก่อเหตุระหว่างชาวจีนเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กฎหมายไทยมีความเข้มแข็ง เพราะการที่คนต่างชาติเข้ามาก่อเหตุในไทยเนื่องจากไม่พบหมายจับตำรวจสากล จึงทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประวัติการก่ออาชญากรรมของชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยได้ อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม จึงเป็นช่องโหว่ที่คนร้ายใช้ในการเข้ามาก่อเหตุในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทางการไทยได้ประสานกับทางการจีนเพื่อให้มีการกวดขันเข้มงวดและเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังชาวจีนที่มีหมายจับในประเทศจีน ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ และหากประชาชนพบชาวจีนที่มีลักษณะจะก่อเหตุ ขอให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ที่เบอร์ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยสังเกตได้จากพฤติการณ์จากรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก มีการกว้านซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ ส่งเสียงดัง หรือพฤติการณ์ที่ผิดปกติอื่นๆ เพื่อเป็นการป้องกันแก๊งอุ้มรีดทรัพย์หรือจีนเทาที่เข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมใประเทศไทย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube