ชูวิทย์ บุก! สภาทนายความ ยื่นสอบมรรยาท “ทนายตั้ม” ขอให้ถอนชื่อออกจากสภาทนายและเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ
วันนี้(10 เม.ย. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมายังสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อยื่นคําร้องขอให้ตรวจสอบมรรยาททนายความ กับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม โดยมีอุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย และกรรมการมรรยาททนายความ ลงมารับเรื่องด้วยตัวเอง
โดยนายชูวิทย์ ระบุว่า ทนายตั้ม ใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือในการโจมตีคนอื่น ซึ่งการตั้งโต๊ะแถลงข่าวนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของทนาย และตนกับทนายตั้มก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และตนเองก็ไม่ได้เป็นคู่ความ คู่คดี หรือจําเลยใดๆทั้งสิ้น ซึ่งไม่ทราบว่าเหตุที่ทนายตั้มทําไปนั่นมีวัตถุประสงค์ใดแอบแฝงหรือไม่ เพราะอาชีพ หน้าที่ จริยธรรม ของทนายย่อมมี จึงเป็นเหตุให้วันนี้ได้นําเรื่องมาร้องเรียนกับทาง ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ช่วยตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่าเข้าข่ายความผิดมรรยาททนายความหรือไม่ โดยได้นําเอกสารและข้อมูลต่างๆประกอบไปด้วย บทสัมภาษณ์และคําแถลงข่าวต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณาตรวจสอบ
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า การเป็นทนาย แล้วอยู่ๆมากล่าวหาตนว่า รับเงินสีเทาที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ อีกทั้งยังใช้สื่อออนไลน์โจมตีด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งไม่ได้ใช้คุณธรรม ดังนั้นทนายตั้ม จึงฝ่าฝืนข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ จึงร้องขอให้มีการลบชื่อทนายตั้มออกจากบัญชีสภาทนายความและเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างแก่ทนายความทั่วไป เนื่องจากในปัจจุบันมีทนายความหลายคนใช้สื่อโซเชียลให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่งอาชีพทนายควรจะพิสูจน์ที่ฝีมือและความสามารถ ไม่ใช่คำพูดผ่านสื่อโซเชียล และตอนนี้ทนายตั้มเรื่องวนกลับมาเข้าตัวเอง หรือเรียกได้ว่า “หมอความโซเชียล ตายเพราะโซเชียล”
ด้านนายสมพร ดําพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย กล่าวว่า เมื่อมีทนายความกระทําความผิดข้อบังคับมรรยาททนายความ ประชาชนทั่วไปมีสิทธิ์ยื่นตรวจสอบได้ ส่วนจะผิดหรือไม่นั้น อยู่ที่คณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณา และเรื่องนี้จะเร่งให้มีการตรวจสอบเพราะเป็นที่สนใจของประชาชน ส่วนจะถึงขั้นลบออกจากบัญชีรายชื่อของสภาทนายความเลยหรือไม่นั้น ยอมรับว่าเข้าข่าย และมีขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งการลบชื่อออกนั้นถือเป็นโทษขั้นสูงสุด จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดและให้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยนายวัชระ สุคนธ์ กรรมการมรรยาททนายความ พร้อมกล่าวว่า ทางคณะกรรมการจะมีการพิจารณาตามข้อบังคับในเรื่องมรรยาททนายความ 20 ข้อ ซึ่งหากมีข้อมูลหรือหลักฐานที่ชัดเจนก็ไม่มีปัญหาที่จะเอาผิดได้ ส่วนกรอบระยะเวลานั้น ทางสภาทนายความ ไม่มีกรอบที่ชัดเจนเหมือนคดีเพ่ง และอาญา แต่จะเร่งดําเนินการให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ประชาชนทุกคน หากมีความประสงค์อยากปรึกษาด้านคดีความ สามารถเข้ามาขอคําปรึกษาที่สภาทนายความได้ โดยไม่มีการเก็บค่าบริการใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะโทรมาปรึกษาหรือเดินทางมาด้วยตนเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
