fbpx
Home
|
ทั่วไป

สรุป #ดาราสาวไต้หวัน แฉโดนตำรวจไทยไถเงิน ลั่นจะไม่กลับมาอีก

Featured Image

            กลายเป็นดราม่าฉาวโฉ่ประดับวงการเครื่องแบบกากีอีกครั้ง สำหรับกรณีดาราสาวชาวไต้หวันที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยอย่างเอนจอย แต่กลับต้องหยุดลงเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านขู่รีดไถเงินหลายหมื่นบาท จนเธอถึงกลับลั่น ขอไม่กลับมาเหยียบประเทศไทยอีก

เรื่องราวนี้จะเป็นมาอย่างไร เงินเท่านั้นที่จะ Knock Everything จริงหรือไม่ วันนี้เรามาให้ฟังตั้งแต่จนจบแล้ว

จุดเริ่มต้นดาราไต้หวัน ถูกตำรวจไทยไถเงิน

  • เหตุเกิดช่วงต้นเดือนมกราคม เมื่อ อันหยูชิง หรือ  Charlene An นักแสดงชาวไต้หวัน ได้โพสต์ลงอินสตาแกรมถึงเหตุการณ์โดนรีดไถโดยตำรวจไทยว่า
  • เมื่อช่วงวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนกลับไต้หวัน1 วัน ขณะที่เธอกำลังนั่งแท็กซี่กลับโรงแรมกับเพื่อน ช่วงราว ตี 1 กว่าๆ เธอถูกตำรวจที่ตั้งด่านเรียกให้รถหยุดและขอค้นตัว กระเป๋า มีการถามถึงเรื่องวีซ่า เธอเลยยื่นให้และบอกว่าวีซ่าของเธอนั้นเป็นวีซ่า VOA เข้ามา
  • (VOA คือวีซ่าที่นักท่องเที่ยวสามารถขอที่สนามบิน เมื่อมาถึงไทยเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย)
  • แต่เมื่อยื่นให้ไปตำรวจไป ก็กลายเป็นประเด็น เนื่องจากตำรวจไม่ยอมรับวีซ่าประเภทดังกล่าว พร้อมบอกว่าต้องใช้เป็นวีซ่าจริงๆที่มีตราและพิมพ์เท่านั้น เหมือนพยายามยัดข้อหาใส่เธอเพื่อดำเนินคดี จนเกิดการยื้อเจรจาอยู่นาน พอเพื่อนของเธอที่มาด้วยพยายามอัดคลิปเพื่อเป็นหลักฐานป้องกันตัว ก็ถูกตำรวจบอกให้ลบ พอยืนจนเมื่อยก็นั่งยองลงกับพื้นก็ถูกตำรวจทำเสียงดุดันใส่ไม่ให้นั่ง
  • นอกจากนี้ ตัวเธอและเพื่อนเอง ก็ถูกตำรวจขู่ตลอดว่าจะจับเข้าไปโรงพัก เธอบอกว่าไปก็ไปแต่ตำรวจก็ไม่ยอมพาไปสักที บังคับให้เธอพูดขอโทษต่างๆนาๆแต่ก็ไม่ยอมจบ เหลือแค่เพียงคุกเข่าไหว้เท่านั้น
  • จนท้ายที่สุด หลังยื้ออยู่ราวเกือบ 2 ชั่วโมง ตำรวจก็พาไปที่ลับตาคน หลบกล้องcctvของสถานฑูต เเล้วบอกว่า ทั้งหมดในรถต้องจ่ายมา 27,000 บาท ถึงจะยอมปล่อย พอตกลงเรื่องเงินได้ จากที่ตำรวจที่ดุดันกลับยิ้มออกมา
  • ดาราสาวยังเล่าต่อว่า ขณะที่ตัวเองโดนไถเงินอยู่นั้น ข้างๆกันก็ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี เป็นผู้หญิง 5 คน ทำให้เริ่มมั่นใจได้ว่าตำรวจกลุ่มนี้จ้องจะรีดไถกลุ่มชาวต่างชาติที่เป็นผู้หญิงชาวเอเชีย พร้อมกลับทิ้งชนวนส่งท้ายว่า 

“ไม่คิดเลยว่า ไปเที่ยวปีใหม่ที่ไทยหวังเจอประสบการณ์ดีๆ แต่กลับกลายเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายและน่ากลัวที่สุดในชีวิต และจะไม่ไปเหยียบเมืองไทยอีกอยากเตือนคนไต้หวันว่า จะไปไทยให้ระวัง อย่าพกเงินสดติดตัวในกระเป๋าเยอะ เพราะโดนสุ่มค้นตัวมา หาเรื่องยัดข้อหา พวกนั้นจับดูกระเป๋าเงินก่อน ให้ระวังดีๆเพราะพวกเขาขาดรายได้จากการท่องเที่ยวมานานช่วงโควิด พอเปิดประเทศทีกลายเป็นมีแต่ปัญหาแบบนี้”

พร้อมรูปในสตอรี่ไอจีส่วนตัวว่า “ลาก่อน…กรุงเทพห่วยๆ”

  • ซึ่งประเด็นการถูกตำรวจไทยรีดไถครั้งนี้ได้กลายมาเป็นที่พูดถึงในสื่อโทรทัศน์ของประเทศไต้หวัน ก่อนจะมาเป็นที่พูดถึงในเมืองไทย เมื่อปลายเดือนมกราคม จากโพสต์ของเพจเฟซบุ๊ก หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว
  • ประกอบกับคดีฉาวของตำรวจไทยหลายอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ทั้งคดีนายทุนจีนตู้ห่าว หรือคดีดราม่าตำรวจVIPที่เรียกรับเงิน 7,000 บาท นำขบวนรถให้นักท่องเที่ยวจีน ทำให้ #ดาราสาวไต้หวัน ถูกตั้งจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ทันที

ตำรวจฟาดหลักฐานกลับ ชาวเน็ตหวั่นคดีพลิก

  • และเพื่อไม่ให้ ประเด็นอื้อฉาววงการตำรวจฉาวไปมากกว่านี้ ในวันที่ 26 มกราคม พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้ออกมายืนยันว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจาก สน.ห้วยขวาง ในคืนวันเกิดเหตุแล้วว่า มีการตั้งด่านตรวจจริง ตามที่ดาราวสาวไต้หวันเล่า
  • และจากการสอบถามตำรวจที่ตั้งด่าน ก็แจ้งว่า ดาราสาวคนนี้พกบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเจ้าหน้าที่เพียงแจ้งว่าผิดกฎหมาย แต่กลับคุยกันไม่รู้เรื่อง
  • ถัดมาในวันที่ 27 มกราคม คนขับแกร็บ ที่ขับพาดาราสาวเข้ามาในจุดเกิดเหตุก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตนได้รับการเรียกให้ไปรับผู้โดยสารแถว RCA เวลาประมาณตี 2 กว่า เพื่อมาส่งยังจุดหมายปลายทางโรงแรมย่านห้วยขวาง
  • ซึ่งกลุ่มผู้โดยสารกลุ่มนี้มีทั้งหมด 4 คน มีผู้ชาย 1 คนที่พอจะพูดภาษาไทยได้ เมื่อขึ้นรถมาเห็นได้ทันทีเลยว่ามีอาการมึนเมา กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมากจนต้องขับรถเปิดกระจก และตนจำผู้หญิงคนนี้ได้แม่น เนื่องจากเธอโวยวายมากที่สุดในกลุ่ม
  • ก่อนจะขับตาม GPS เจอด่านตรวจที่หน้าสถานทูตจีน จากนั้นได้มีตำรวจเรียกขอตรวจเช็กนักท่องเที่ยว นักแสดงสาวก็มีอาการไม่พอใจไม่อยากให้ตรวจค้นและเมาด้วย
  • คนขับรถก็ได้ยินเสียงผู้หญิงโวยวายเป็นภาษาจีนเสียงดังใส่ตำรวจ ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร และก็ไม่ว่ามีการพยายามจะถ่ายคลิปทั้งนั้น ก่อนที่ผู้โดยสารผู้ชายที่พูดไทยได้จะเดินนำเงินค่ารถมาให้แล้วก็บอกให้ไป
  • พร้อมยืนยันว่า ระหว่างที่จอดรถอยู่ในด่าน ตนไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ ส่วนผู้โดยสารมีบุหรี่ไฟฟ้าจริงหรือไม่ก็ไม่ได้สังเกตุ แต่คิดว่าดาราสาวให้ข่าวเกินไปทำให้เสียภาพพจน์ประเทศอยากให้ออกมาพูดความจริง ก็ให้สังคมตัดสินว่าจะเชื่อคนเมาหรือคนไม่เมา

สาวไต้หวันสู้กลับ ไม่ได้เมา 100%

  • โดยหลังจากคนให้การของคนขับจบลง ในวันเดียวกันนั้นเอง ดาราสาว อันหยูจิง เธอก็โพสสตอรี่เถียงกลับทันทีว่า 

“เรื่องที่เล่าทั้งหมดไม่เป็นความจริงเลย เธอเองไม่ได้ดื่มเหล้า ตอนนี้ตำรวจไทยพยายามเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อล้างความผิดให้กับตัวเอง และเธอก็ชี้ตัวตำรวจคนที่เอาเงินไปได้ ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง ทำไมไม่เอาภาพกล้องวงจรปิดออกมา ตอนนี้มีคนตัวเป็นตำรวจติดต่อมาเยอะมาก ซึ่งเธอเองก็จะไม่คุยกับใครทั้งนั้นนอกจากตำรวจสากลและสื่อไต้หวันเพียงอย่างเดียว”

  • จนทำให้ใน วันที่ 29 มกราคม เจ้าหน้าที่ก็มีการแฉว่าจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบ ภาพที่ขัดแย้งกับคำให้การของดาราสาวที่ระบุมาก่อนหน้า เนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดชี้ว่า ดาราสาวอยู่ที่ด่านเพียง 47 นาที ผิดกับคำให้การของเธอที่บอกว่าถูกตำรวจเรียกตรวจนานกว่า 2 ชั่วโมง
  • ไปจนถึงคลิปจากกล้องวงจรปิดอีกแห่งพบว่า ดาราสาวพกบุหรี่ไฟฟ้าในช่วงที่ไปลิฟต์โดยสารพอดีขัดกับคำบอกเล่าของเธออีกอย่างที่เคยบอกว่า ตำรวจเป็นคนยัดบุหรี่ไฟฟ้ามาไว้ในมือ และเป็นไปได้ที่การถูกเรียกตรวจครั้งนี้ก็มาจากการใช้พอตบุหรี่ไฟฟ้า ที่ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายในบ้านเราอยู่

  • ทำให้โลกออนไลน์ก็เกิดข้อสงสัยหลายอย่างว่า จะเกิดคดีพลิกหรือเปล่า เพราะหลักฐานฝั่งเจ้าหน้าที่ก็ดูชัดเจนทั้ง พยานเวลาที่ไม่ตรงกัน หรือจากปากคำของคนขับรถที่บอกว่าดาราสาวเมาจริง ก็ทำหลายคนเอนเอียงกลับมายังฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งหนึ่ง
  • ด้านดาราสาวพอรู้เรื่องดังกล่าว ก็มีการโพสต์ประกาศครั้งสำคัญผ่านอินสตาแกรมอีกครั้งว่าจะให้สัมภาษณ์สื่อเป็นครั้งสุดท้าย และจะอธิบายเรื่องราวที่เลวร้ายที่อยู่ในประเทศไทยทั้งหมด แต่ขอเวลาอีกสักหน่อยเพื่อเตรียมตัว…

ชูวิทย์ช่วยแฉ สุดท้ายระเบิดลงถล่มทั้งนครบาล

  • และก่อนที่ ดาราสาวจะออกมาตั้งโต๊ะแถลงความจริง ดราม่าก็ถึงเวลาสุดสิ้นลง เมื่อเจ้าพ่อจอมแฉอย่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดข้อมูลเด็ดเกี่ยวกับประเด็นฉาวครั้งนี้ ว่า
  • ตำรวจห้วยขวางนั้นรีดไถเงินดาราสาวไต้หวันจริง โดยยืนยันจากหญิงไทยที่มีแฟนเป็นหนุ่มสิงคโปร์ เพื่อนร่วมทริปของดาราสาว ว่าเขานั้นเป็นจ่ายเงิน 27,000 ให้ตำรวจเอง
  • แถตำรวจที่เป็นหัวหน้า ผบช.น. คนนี้ ยังออกคำสั่งให้ลูกน้อง ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน 
  • กล่อมให้คนขับแกร๊บ ยืนยันว่าดาราสาวเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ
  • ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาว โยงว่าเรื่องทั้งหมดมาจากตัวดาราสาวเองที่เป็นคนแต่งเรื่องเสียเอง
  • สุดท้ายไม่กี่ชั่วโมงถัดมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ปิดเรื่องราวทั้งหมดว่ามีการตั้งด่านเรียกเงินจริง
  • และเงินจำนวนนั้นตำรวจในด่านก็แบ่งเงินกันในคืนเกิดเหตุเลย โดยระบุว่าตำรวจคนนึงที่ตั้งด่าน สน.ห้วยขวาง ยอมรับแล้ว แต่ตอนแรกที่ไม่รับสารภาพเพราะคิดว่าผู้เสียหายคือคนต่างชาติและไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดี ส่วน ผู้กำกับ สน. ห้วยขวาง ก็ต้องรับเคราะห์ โดนสั่งย้าย ในข้อหาบกพร่องการกำกับดูแลเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจห้วยขวางทั้ง 7 นายที่อยู่ในด่าน

           ก็จบไปอีกคดีสำหรับโปรแกรมตำรวจสร้างเรื่อง สุดท้ายแล้ว Money ก็ไม่ได้ Knock Everything แต่ ความจริงต่างหาก ที่ทำให้ทุกอย่างขับเคลื่อนต่อไป หากอยากติดตามดราม่าร้อนต่อ สามารถคลิกได้เลยที่ เว็บไซต์ สำนักข่าว iNN News

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube