เปิดแผนป้องกันปัญหาเด็กจมน้ำ หลังคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) เห็นชอบแนวทางการลดปัญหาการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กและเยาวชนไทย สอดรับกับมติสมัชชาสหประชาชาติที่ต้องการป้องกันการจมน้ำของเด็กทั่วโลก
จากสถิติอุบัติเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิต พบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ พ.ศ. 2554 ถึง 2563 ประเทศไทยมีคนเสียชีวิตจากการจมน้ำจำนวน 3.6 หมื่นคน เฉลี่ยปีละ 3,614 คน เป็นกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เฉลี่ยปีละ 780 คน โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการชักชวนกันไปเล่นน้ำและพลัดตกมากที่สุด ขณะที่ ทั่วโลกมีคนจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 3.6 แสนคน เป็นกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 1.45 แสนคน ซึ่งส่วนใหญ่จะจมน้ำจากพื้นที่สาธารณะ
ทั้งนี้ กรมพลศึกษาซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการป้องกันการจมน้ำ จึงได้ดำเนินการโครงการ “เด็กไทยว่ายน้ำได้” เพื่อให้เด็กมีทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้นที่ถูกต้อง สามาารถเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ
สำหรับในปีที่ผ่านมา2565 มีเยาวชนร่วมโครงการประมาณ 9 พันกว่าคน และในปี 2566 นี้ กรมพลศึกษามีแนวทางการขับเคลื่อนโครการดังกล่าวต่อไป สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.คุยกับ อธิบดีกรมพลศึกษา “ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์” โดย อธิบดี นิวัฒน์ กล่าวว่า โครงการเด็กไทย ว่ายน้ำได้ เป็นโครงการที่กรมพลศึกษามีความตั้งใจมาก โดยเป็นการฝึกทักษะให้กับเด็กจริง ๆ สอนให้เด็กเข้าใจถึงสถานการณ์การเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ และรู้หลักการใช้อุปกรณ์ในการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ
ทั้งนี้ อธิบดีกรมพลศึกษายังกล่าวอีกว่า เมื่อเด็กมีความคุ้นเคยกับน้ำก็อาจจะมีการต่อยอดไปสู่การเป็นนักกีฬาต่อไป
พอเด็กได้มาฝึกว่ายน้ำแล้ว ส่วนใหญ่เด็กทุกคนก็จะมีความสนใจเพิ่มมากขึ้น สนใจอยากที่จะมาฝึกว่ายน้ำ เพาะฉนั้นเมื่อมีการจัดการแข่งขันขึ้น เด็กเหล่านี้ก็จะเข้าร่วมทำการแข่งขัน แล้วก็จะค่อยๆ พัฒนาไปสู่การเป็นนักกีฬาระดับเยาวชน และเป็นทีมชาติต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กฯ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อนำ 5 แนวทางที่ได้รับการเห็นชอบไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้กระทรวงศึกษาฯ บรรจุหลักสูตรการเรียนการสอนว่ายน้ำขั้นพื้นฐานเป็นวิชาบังคับในสถานศึกษาที่มีความพร้อมด้านสถานที่และอุปกรณ์กรณีที่สถานศึกษามีข้อจำกัดด้านสถานที่และอุปกรณ์ให้พิจารณาสนับสนุนงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อสระว่ายน้ำเคลื่อนที่สำหรับเด็กและเยาวชนได้ฝึกว่ายน้ำเพื่อให้มีทักษะการว่ายน้ำและสามารถเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ
อีกทั้ง ให้กระทรวงศึกษาฯ และกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันจัดทำองค์ความรู้เรื่องการป้องกันการจมน้ำของเด็กและเยาวชนในรูปแบบสื่อประเภทต่างๆพร้อมเผยแพร่ในสถานศึกษาผ่านช่องทางที่หลากหลาย สำหรับ กระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงศึกษาฯ และกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันทำการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับพ่อแม่ ผู้ปกครองครู และประชาชนทั่วไปในการป้องกันและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนจากการจมน้ำ รวมถึงให้กระทรวงศึกษาฯ กำหนดค่าเป้าหมายและมาตรการในการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีทักษะในการป้องกันการจมน้ำพร้อมติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จะต้องร่วมกันวางแผนและกำหนดพื้นที่เล่นน้ำที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน
จากนี้ต่อไปจะต้องติดตามการขับเคลื่อนโครงการเด็กไทย ว่ายน้ำได้ ที่กรมพลศึกษาดำเนินการอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งหมดนี่คือความตั้งใจที่จะลดความสูญเสียจากการว่ายน้ำไม่เป็นและอาจต่อยอดไปสู่การเป็นนักกีฬาทีมชาติในอนาคตนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
