รัฐมนตรีฯศักดิ์สยาม เผย อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 สุวรรณภูมิ ก่อสร้างเสร็จแล้ว เร่งเปิดปี 66 คาดปีหน้ายอดผู้โดยสารแตะ 200,000คน/วัน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีปริมาณเที่ยวบินที่หนาแน่นเป็นจำนวนมาก จึงได้ประสานให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริหารจัดการเวลาให้สอดรับกับปริมาณเที่ยวบินและความต้องการของผู้โดยสาร ซึ่งปัจจุบันผู้โดยสารมีปริมาณ 100,000-120,000คน/วัน แบ่งระหว่างประเทศ 80,000 คน/วัน ในประเทศ 30,000 คน/วัน และคาดว่าในปีหน้าปริมาณผู้โดยสารจะกลับมาเป็นปกติอยู่ที่ 200,000คน/วัน เพราะนักท่องเที่ยวจีนเริ่มส่งสัญญาณ และญี่ปุ่นเองมีความต้องการจะมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ขอเพิ่มเที่ยวบิน
ขณะเดียวกัน เพื่อลดความแออัดได้มอบหมายให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้โดยสารคนไทยที่ใช้พาสปอร์ตรูปแบบใหม่ จัดช่องทางเฉพาะเพื่อให้เกิดความคล่องตัว หากเจอปัญหาเครื่องสะแกนอัตโนมัติไม่สามารถอ่านข้อมูลได้
ส่วนเรื่องอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการตรวจสอบพาสปอร์ตไม่เพียงพอ ได้มอบหมายให้ ทอท.ดำเนินการจัดหาให้แล้วเสร็จภายให้ 15 วัน เพื่อรองรับผู้โดยสารช่วงไฮซีซั่น ส่วนเรื่องการจัดระเบียบทางเดินในสนามบิน ให้หน่วงยงานจัดทำป้ายทางเดินที่ชัดเจนพร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลการเดินทางไม่ให้เกิดความหนาแน่น
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ ทอท. และกรมท่าอากาศยาน ดูแลความพร้อม 29 ท่าอากาศยานทั่วประเทศ เพื่อให้นักท่องเกิดความสะดวก และเกิดความปลอดภัยมากที่สุด และมอยหมายให้กรมการขนส่งทางบก จัดรถบริการสาธารณะ ให้เพียงพอ และดูแลเรื่องอัตราค่าโดยสาร การให้บริการ รองรับผู้มาเยือนประเทศไทย
ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมเร่งเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2566 เพื่อรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ ความคืบหน้าแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้ อยู่ระหว่างกระบวนการออกแบบเพื่อจัดทำหนังสือจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์)
ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบการปรับวงเงินก่อสร้างจาก 8,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบโครงการฯ วงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท ในเดือนมีนาคม 2566 เนื่องจากราคาวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างเพิ่มและมีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น อาทิ เคื่องเช็คอินอัติโนมัติ เป็นต้น โดยคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือนเมษายน 2566 และก่อสร้างในช่วงปลายปี 2566 ใช้เวลาในการก่อสร้าง 2 ปีครึ่ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
