fbpx
Home
|
เศรษฐกิจ

สศอ.เผยดัชนีMPIก.ย.แตะ 97.90 ขณะ 9 ด. ขยาย 2.83%

Featured Image
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เผยดัชนี MPI ก.ย.แตะ97.90 ขณะที่ 9 เดือน ขยายตัว2.83% ตอบรับเศรษฐกิจฟื้นตัว ดันสินค้าอุตฯ โตต่อเนื่อง

 

 

นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ 97.90 ขยายตัวร้อยละ 3.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการส่งออก สะท้อนได้จากการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน รวมถึงการผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี อาทิ เบียร์ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ ประกอบกับสถานการณ์เงินเฟ้อมีทิศทางชะลอตัวลงต่อเนื่อง จากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) หมวดสินค้าอุตสาหกรรมในเดือนกันยายน ที่ขยายตัวร้อยละ 7.9 ปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ขยายตัวร้อยละ 8.7 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดของปี 2565

 

นอกจากนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) เดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ 19,710.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 7.92 เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 22

 

ขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน 2565 ขยายตัวร้อยละ 3.36 และไตรมาส 3 ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 8.06 ส่งผลให้ 9 เดือนแรก ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 2.83 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกในเดือนกันยายน 2565 ได้แก่ ยานยนต์ จากรถบรรทุกปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดกลาง และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นและสามารถผลิตได้ต่อเนื่อง น้ำมันปิโตรเลียม ขยายตัวจากการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวตามการเติบโตของตลาดโลก

ทั้งนี้ จากการใช้เครื่องมือระบบเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย คาดการณ์ดัชนี MPI เดือนตุลาคม 2565 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และทั้งปี 2565 คาดการณ์ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.5-2.5 มาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ นอกจากนี้สถานการณ์การส่งออกจะยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดอาเซียน และตะวันออกกลาง เช่น ประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และออสเตรเลีย ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังและติดตาม ได้แก่ ค่าเงินบาทที่เคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าลง ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) วิกฤตพลังงาน จากความผันผวนของราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมไทยเพิ่มขึ้น และทิศทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงการเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน และ ญี่ปุ่น

 

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมภาคการผลิตในภาพรวมไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากสถานการณ์น้ำท่วม เนื่องจากผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือและมีมาตรการป้องกันจากประสบการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปี 2554

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube