ผ่านมาแล้วกว่า 2 สัปดาห์ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 หรือจากร้อยละ 0.75 มาที่ร้อยละ 1
เพื่อแตะเบรกเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ทำให้สถาบันการเงินหลายๆแห่งต่างขยับ “ดอกเบี้ยเงินกู้” ซึ่งเป็นห่วงจังหวะเดียวกับของแพง ค่าครองชีพสูง
ทั้งนี้ “กลุ่มอสังหาริมทรัพย์” ที่ปัจจุบันมีมูลค่าร่วมกว่า 7 แสนล้านบาทต่อปี ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภาระต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น เนื่องจากบางบริษัทมีการกู้เงินหรือการออกหุ้นกู้ และยังได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่อาจชะลอตัวเนื่องจากดอกเบี้ยแพงขึ้นสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.คุยกับ นายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ในฐานะนายกสมาคมกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรถึงเรื่องนี้ โดยเขามองว่า หลังจาก กนง. ขึ้นดอกเบี้ย เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงอสังหาฯ เพราะดอกเบี้ยที่แพงขึ้นกระทบต่อประชาชนในฐานะผู้ซื้อ รวมถึงต้นทุนค่าก่อสร้างต่างๆ ที่มีการปรับราคา แต่เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจ
“ก็คิดว่าทุกคนคงจะเข้าใจ จริงๆแล้วก็ต้องเตรียมตัวปรับตัวแต่ก็เข้าใจดีว่ามันจะมีผลกระทบกับผู้ซื้อบ้าน ผู้ประกอบการเนี้ยผมคิดว่าผลกระทบมันกระทบอยู่แล้วมันก็จะปนกันอยู่ในต้นทุนทางการเงินก็จะไปรวมกับต้นทุนโดยรวมของบ้านหรือของคอนโดเพราะว่าต้นทุนค่าก่อสร้างกับต้นทุนในการบริหารงานโดยรวมก็ต้องขึ้น”
ดังนั้นการปรับตัวของผู้ประกอบการเป็นยุทธวิธีสำคัญที่ “นายอธิป” เชื่อว่า จะช่วยบริหารเรื่องต้นทุนในการทำธุรกิจได้
“ก็ต้องปรับตัวกันไป โดยอาจจะต้องลดมาร์จิ้นของตัวเองลงบ้างแล้วก็ต้องมีการปรับ Product ให้ Simple ขึ้น มีความง่ายในการออกแบบต้นทุนค่าวัสดุก็ต้องมีการไปดูว่าจะมีอะไรประหยัดโดยไม่กระทบคุณภาพบ้างสามารถทำได้ไหมหรือการลดขนาดยูนิคหรือตัวบ้านหรือขนาดบ้านลงบางส่วน แต่ว่าประโยชน์การใช้สอยยังคงเหมือนเดิมเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายหรือต้นทุน เพื่อจะช่วยผู้ซื้อ ให้ซื้อได้ในราคาใกล้เคียงเดิมที่สุดอันนี้ก็เป็นฝั่งผู้ประกอบการ”
และเมื่อถามถึงฝั่งผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ “นายอธิป” กล่าวว่า คงหนี้ไม่ออกกับอัตราดอกเบี้ยใหม่ แต่การให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่สำคัญ
“ส่วนผู้ซื้อ ผมเชื่อว่าก็หนีไม่ออกการที่ดอกเบี้ยขึ้น ก็คือว่าเค้าก็ต้องกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยใหม่ คนที่ยังผ่อนอยู่ ถ้าเป็นอัตราที่คนที่กู้ไปก่อนหน้านี้ก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน เพราะว่าอัตราจะ Fixed อยู่ในแค่ช่วงปีสองปีแรกแล้วหลังจากนั้นก็ต้องปล่อยลอยตัว พอลอยตัวก็จะมาเจอดอกเบี้ยใหม่อยู่แล้วยังไงก็ทั้งเก่าทั้งใหม่หนีไม่ออกทั้งเก่าทั้งใหม่ไม่ออก”
และนี่ก็เป็นมุมมองอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เชื่อมโยงกับประชาชนและภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจากนี้ต่อไปจะต้องติดตามภาพใหญ่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะทั้งหมด ทั้งมวลนี้มีผลต่อกำลังซื้อของประชาชนนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews