มท.1 เผย เคาะ 2 มาตรการควบคุมครอบครองอาวุธปืน เข้มมาตรการออกใบอนุญาตคนใหม่ ประเมินสุขภาพจิต-พฤติกรรม จ่อออกกฎหมายให้คืนอาวุธเถื่อน โดยไม่เอาโทษทางอาญา ปูพรมสำรวจคนติดยาทุกพื้นที่
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการควบคุมดูแลการใช้อาวุธปืน ภายหลังการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ว่า อาวุธปืนมี 2 ส่วน คือ ปืนที่มีใบอนุญาตและปืนเถื่อน โดยอาวุธปืนที่มีใบอนุญาตในส่วนของใหม่ก็จะต้องมีการตรวจสอบตั้งแต่พื้นฐานเพิ่มเติมมาในเรื่องคุณสมบัติด้านสุขภาพจิตใจ ซึ่งจะต้องมีการเขียนในรายละเอียด ว่าการขออนุญาตต้องให้แพทย์รับรองหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ที่เกิดเหตุกราดยิงไม่ใช่แค่เรื่องของปัญหาสุขภาพจิต แต่รวมถึงเรื่องความประพฤติแต่ละคน ดังนั้นการจะดูว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่ ไม่ว่าแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่สามารถที่จะดูออก จึงมีการหารือว่าจะต้องมีคนรับรอง เช่น ถ้าเป็นข้าราชการต้องมีผู้รับรอง อาทิ ผู้บังคับบัญชา ว่ามีความประพฤติที่เป็นภัยหรือดื่มสุราแล้วขาดสติ หรือเป็นคนที่มีอารมณ์และใช้ความรุนแรงหรือไม่ ดังนั้นจึงมีข้อสรุปได้ว่าการขออนุญาตรายใหม่ต้องดูความประพฤติด้วย
ส่วนคนเก่าที่มีการครอบครองอาวุธปืนอยู่แล้วนั้น มีมติว่า จะต้องทบทวนในการที่จะให้มีและใช้อาวุธปืน ซึ่งอาจจะมีให้คิดทบทวนในระยะ 3 หรือ 5 ปี ว่าต้องมีการคิดทบทวนกันอีกครั้งทั้งในเรื่องความประพฤติ ว่ามีความจำเป็นต้องใช้อยู่หรือไม่ รวมถึงผู้ที่ต้องพ้นจากหน้าที่ยังมีความจำเป็นที่ต้องครอบครองอยู่หรือไม่หากไม่จำเป็นก็สามารถเพิกถอนได้ แต่ในกรณีก่อเหตุความผิดจะสามารถเพิกถอนได้ทันที
ทั้งนี้ ขอสร้างความเข้าใจกับสังคมว่า การครอบครองอาวุธปืนให้ใช้และเก็บรักษาอยู่ที่บ้านเพื่อป้องกันทรัพย์สิน ไม่ได้ให้พกพานำไปไหน ซึ่งหากพบว่ามีการพกพาก็อาจเพิกถอนได้ เช่น การพกพาอาวุธปืนไปดื่มสุรา ซึ่งมีกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว เพื่อแก้ปัญหาอาวุธปืนที่มีอยู่ในระบบใบอนุญาต
ส่วนอาวุธปืนเถื่อน มีข้อยุติว่าจะต้องมีการออกกฏหมายให้นำมาคืน ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการในลักษณะนี้แล้ว แต่ครั้งนี้จะให้นำมาคืนโดยไม่มีความผิดทางอาญา และไม่ให้มีการขึ้นทะเบียน แต่ถ้าพบว่ายังครอบครองปืนเถื่อนต่อไป เจ้าที่ตำรวจจะมีความเข้มงวดตรวจสอบและดำเนินการทางกฏหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมย้ำว่า จะไม่ใช้คำว่านิรโทษกรรม แต่จะมีการออกเป็นพระราชบัญญัติ (พรบ.)
พร้อมยืนยันว่า สังคมไม่ต้องกังวลสถิติเรื่องอาวุธปืน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เป็นส่วนหลัก แต่ส่วนใหญ่เกิดจากอาวุธปืนเถื่อนมากที่สุด ขออย่าสร้างผิดๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่มีอาวุธปืนของใหม่จะต้องได้รับการพิจารณาและรับรองจากผู้บังคับบัญชา ส่วนคนที่ครอบครองอาวุธปืนอยู่แล้วต้องได้รับการทบทวน เพราะพฤติกรรมแต่ละช่วงอายุมีพฤติกรรมที่แตกต่างหรือเกิดจากสภาพแวดล้อม ต้องมีการประเมินและเพิกถอนหากทำผิด พร้อมย้ำอีกครั้งว่าอาวุธปืนให้มีแต่ไม่ให้พก ดังนั้น? ไม่ต้องกังวลเราจะให้ความเข้มงวดกับคนกลุ่มนี้
ขณะที่เรื่องยาเสพติด ทางนายกรัฐมนตรี ได้เน้นในเรื่องในเรื่องแหล่งผลิตและกระบวนการผลิต โดยกำชับให้ทุกฝ่ายเข้มงวดในการปฏิบัติ เช่น หากพบว่าในพื้นที่ใดมีและพบว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยปะละเลย เรื่องนี้จะต้องมีผลทั้งทางกฎหมายและพิจารณาทั้งในเรื่องของการรับราชการ ขณะที่ในส่วนของมหาดไทย หากชาวบ้านรู้ว่าในพื้นที่มีเรื่องของยาเสพติด แต่ฝ่ายปกครองไม่รู้ ต้องมีการประเมินหากกฎหมายให้สามารถหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ก็จะต้องทำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจะต้องทำงาน ส่วนการจะต้องสกัดไม่ให้คนใหม่เข้าสู่ระบบโดยจะต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมกันดำเนินการ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงคนเก่าที่ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งคนเสพและคนติดต้องแยกกลุ่มนี้ให้ได้ โดยมหาดไทย มารับไปตรวจสอบ โดยทำงานร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อนำคนเหล่านี้เข้าสู่ระบบและแยกว่าจะบำบัดอย่างไร หรือคนที่ต้องเข้าสู่การรักษาในระยะยาว หรือคนที่ก่อเหตุฆ่าบิดามารดาหรือญาติพี่น้องมี่เป็นคนไม่มีสติซึ่งไม่สามารถบำบัดตามระบบปกติได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews